เศรษฐา ชงไอเดีย LVMH-Kering ทำ Cobranding ร่วมกับดีไซเนอร์ไทย  

เศรษฐา ทวีสิน

นายกฯปิ๊งไอเดีย เสนอ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ทำ Cobranding ร่วมกับ Brand ดีไซเนอร์คนไทย เป็นคอลเล็กชั่นพิเศษระยะสั้น เสนอเปิด Pop-up Store ในไทยมากขึ้น  

วันที่ 11 มีนาคม 2567 ที่ห้องเสื้อ Dior สาขา AvenueMontaigne กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พบและหารือกับนาย Bernard Arnault, Chairman and CEO of LVMH Group เจ้าของอาณาจักรแบรนด์หรู “แอลวีเอ็มเอช” บริษัทมหาชนจากประเทศฝรั่งเศสที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้า Luxury ชั้นนำทั่วโลกมากกว่า 75 แบรนด์

ทั้งนี้ นายกฯเน้นย้ำว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการลงทุน และเดินหน้าเพื่อเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่การเติบโตที่สูงขึ้นและความยั่งยืนในภาคส่วนสำคัญต่าง ๆ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับโลก สร้าง Soft Power เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งไทยมีความภาคภูมิใจในมรดกทางงานฝีมืออันยาวนาน เช่น ผ้าไหมไทยและเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกทั้งความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีเทคนิคที่ซับซ้อน

เชื่อมั่นว่างานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นโบราณนี้จะเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย จึงอยากจะเชิญชวนกลุ่ม LVMH ร่วมกับประเทศไทยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเสริมสร้างเทคนิคและพัฒนาผ้าไทยให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น โดยไทยพร้อมต้อนรับนักออกแบบและทีมงานสร้างสรรค์จาก LVMH เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือที่เป็นไปได้กับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป

ต่อจากนั้น เวลา 10.00 น. (เวลาท้องถิ่นกรุงปารีส) ณ ห้อง Chaillot ชั้น 1 โรงแรม PrincedeGalles นาย Jean-Marc Duplaix, Deputy CEO บริษัท Kering ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจสินค้าประเภทแฟชั่นและสินค้า Luxury รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยได้หารือกันในประเด็นเพื่อขยายความร่วมมือ

Advertisment

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บริษัทได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เช่น Gucci และ Bottega ถือได้ว่ามียอดขายอันดับต้น ๆ ในไทย โดยนายกฯกล่าวว่าปีหน้าจะเป็นปียิ่งใหญ่ของการท่องเที่ยวไทย หากบริษัทพิจารณาเปิดสาขาเพิ่ม จะเป็นโอกาสอย่างมากสำหรับลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

บริษัทรับทราบด้วยความยินดี และกล่าวชื่นชมว่า ลูกค้าชาวไทยเป็นลูกค้าคุณภาพ และขอบคุณที่ไทยให้ความสนใจ ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจร่วมมือกับไทยในเรื่องการเพิ่มปริมาณสินค้าที่ส่งขายในประเทศไทย และธุรกิจ Luxury Cruise

นอกจากนี้ นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศสู่การเติบโตที่สูงขึ้นและความยั่งยืนในภาคส่วนสำคัญต่าง ๆ พร้อมกับเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เร่งสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งนายกฯได้กล่าวเชิญชวนบริษัท Kering ร่วมมือกับไทย เปิด Regional Office ที่ประเทศไทย โดยรัฐบาลไทยจะแก้ไขประเด็นอุปสรรคทางการค้า เช่น มาตรการภาษี สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business)

จากนั้น นายเศรษฐาโพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X ภายหลังการหารือว่า คิดไว้ตั้งแต่ตอนลงพื้นที่ไปภาคอีสาน และภาคใต้ ว่าอยากเอาผ้าไทยและวัตถุดิบอื่น ๆ ของไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่าง ผ้าครามสกลนคร ผ้าขาวม้า อัญมณีไทย เครื่องจักรสาน และเครื่องหอมไทย มานำเสนอเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของแบรนด์ดัง ผมจึงตั้งใจใส่ผ้าขาวม้า จ.นครพนม เป็นผ้าพันคอ มาพบเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยถึงเทรนด์ดีไซน์ระดับโลกกับเอกชนรายใหญ่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นฝรั่งเศส

Advertisment

ซึ่งกลุ่ม LVMH (Louis Vuitton Moët Hennessy) ที่ได้ควบรวมธุรกิจแบรนด์หรูต่าง ๆ มากมาย มีแบรนด์ระดับไฮเอนด์ถึง 75 แบรนด์ในมือ ตั้งแต่แบรนด์แฟชั่น อัญมณี เครื่องสำอาง น้ำหอม ไวน์ สุรา มีรายได้ประมาณ 3.1 ล้านล้านบาทต่อปี โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่มาจากเอเชีย ไม่รวมญี่ปุ่นถึง 30%

ขณะเดียวกัน Kering คู่แข่ง LVMH ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าหรูจากฝรั่งเศส เป็นแบรนด์แม่ของเครือแบรนด์แฟชั่น รวม 18 แบรนด์ มีห้องทดลองนวัตกรรมวัตถุดิบ Materials Innovation Lab (MIL) ที่รักษาสิ่งแวดล้อมเป็นของตัวเอง ก็ได้แสดงความสนใจในวัตถุดิบไทย และรับไปพิจารณา

“นอกจากจะนำเสนอวัตถุดิบของไทยแล้ว ผมยังได้มีไอเดียเสนอให้ 2 บริษัท ทำ Cobranding ร่วมกับ Brand ดีไซเนอร์คนไทยเป็นคอลเล็กชั่นพิเศษระยะสั้น และเสนอให้เปิด Pop-up Store ในไทยมากขึ้น พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาในด้านภาษี และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มีปัญหา เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Shopping Paradise ครับ” นายเศรษฐากล่าว