รัฐบาล ดันคนไทย เป็น Citizen of the world ด้วยการยกเลิกขอวีซ่าเชงเก้น

นายชัย วัชรงค์

รัฐบาล ส่งเสริมรถยุโรป Stellantis, Volkswagen, Benz, BMW ขยายฐานในไทย ดันคนไทยเป็น เป็น Citizen of the world ยกเลิกขอวีซ่าเชงเก้น

วันที่ 19 มีนาคม 2567 ที่ จ.พะเยา นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า การเดินทางเยือนประเทศออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมประชุม ASEAN-Australia และเยือนประเทศฝรั่งเศส และเยอรมนีอย่างเป็นทางการ นั้นรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นและสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับทุกประเทศ วางตัวเป็นกลาง พร้อมรับการลงทุนในทุกมิติ

นำไปสู่การสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งระหว่าง ASEAN-Australia และประเทศไทยกับประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ผ่านการพูดคุยกับผู้นำต่างประเทศ ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่ ทั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส (Emmanuel Macron) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (Anwar Ibrahim) ลาว ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเยอรมนี

รัฐบาลจะส่งเสริมผลักดันการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (Free Trade Agreement-FTA) ทั้ง  FTA-EU, FTA-UK ขอยืนยันว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการค้าการลงทุน เพื่อให้เกิดการค้าการลงทุนอย่างมหาศาล พร้อมทั้งจะแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ Ease of doing Business เช่น Single form, single window ให้มีความรวดเร็ว, สร้าง Business Cooperation ระหว่างประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันอย่างไม่มีช่องว่าง

รัฐบาลจะให้การส่งเสริมภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคยานยนต์ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่จะเข้ามาตั้งโรงงาน หรือขยายฐานการผลิตในไทย เช่น Stellantis, Volkswagen, Mercedes Benz, BMW โดย BOI จะส่งเสริมผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด Clean Energy และรถยนต์ EV ตลอดจนจะต้องหามาตรการช่วยเหลือผู้ผลิตรถยนต์แบบ ICE ด้วย

นอกจากนี้ จะต้องให้ความเชื่อมั่นถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน และอาศัยในประเทศไทยผ่านระบบโรงพยาบาล สถานที่พักอาศัย และโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพ

รัฐบาลจะประกาศวาระแห่งชาติ ในการผลักดันให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวของไทย Tourism Hub พร้อมผลักดันการสร้างสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น สนามบิน รถไฟความเร็วสูง และโครงการ Land bridge และยกระดับศิลปะวัฒนธรรมไทย อาหารไทย รวมถึงวงการแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับของโลก โดยร่วมมือกับสมาพันธ์ระดับโลก

เช่น Federation Haute Couture, Michelin Guide ห้างระดับโลก เช่น Gallery Lafayette, Bon Marche ผ่านการใช้วัตถุดิบไทยที่มีคุณภาพ เช่น ผ้าคราม เตรียมพร้อมกับอีเว้นท์ระดับโลกที่จะมาจัดในประเทศไทย เช่น F1, Michelin World Food Expo, Paris Fashion show หรือเข้าร่วมงานระดับโลก เช่น ITB และ MIPIM อย่างเต็มศักยภาพ สร้างโอกาสให้กับประเทศไทย และคนไทย

รัฐบาลจะผลักดันให้คนไทย เป็น Citizen of the world ยกระดับพาสปอร์ตไทย ยกเลิกการตรวจลงตราวีซ่า ผ่านการยกเลิกการขอวีซ่า Schengen ซึ่งจะทำให้ประชาชนของทั้งสองด้านเดินทางท่องเที่ยวกันได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นรวมทั้งส่งเสริมให้นักธุรกิจรายใหม่ ทั้งขนาดกลาง และขนาดเล็ก

รวมถึงนักออกแบบรุ่นใหม่ มีแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจของตนเอง และเห็นโอกาสในทางธุรกิจจากแบรนด์ระดับโลก นอกจากนั้น รัฐบาลจะให้ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะพยายาม matching talents ให้เข้ากับภาคอุตสาหกรรมระดับโลกในไทย

สร้างแรงดึงดูดต่าง ๆ ทั้งมาตรการทางภาษี และการส่งเสริมด้านการทำงาน เพื่อเตรียมตัวรองรับกับอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเปิดในไทย เช่น Semiconductors, Data Center, EV เพื่อให้นักศึกษาไทยในต่างประเทศกลับมาทำงานในประเทศไทยอย่างมีศักดิ์ศรี