เช็กสต๊อกสมาชิก 2 พรรคใหญ่ ขาใหญ่ พท.กู่ไม่กลับ-ปชป.ต้านพลังดูด

ครบ 30 วัน ตามที่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดช่องให้พรรคการเมืองเก่ายืนยันความเป็นสมาชิกพรรค

กลางลม-แรงดูดจากเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อ คสช. ดูดกลุ่มการเมืองหน้าเก่า ที่มีจำนวนผู้แทนราษฎรอยู่ในกำมือ โดยมีจุดหมายปลายทางที่จำนวนเสียงหนุนให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กลับมาเป็นนายกฯ รอบ 2

2 พรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ก็ออกมา “ตีปี๊บ” กันเอิกเกริกว่ากำลังถูก คสช. และ 2 บิ๊กการเมืองที่ไม่กลับมายืนยันตัวตนกับพรรคต้นพรรคเพื่อไทย

มัชฌิมา-สะสมทรัพย์ ชิ่ง พท.

หนึ่ง กลุ่มมัชฌิมา ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่กำจำนวนตัวเลข ส.ส.ในมือ กว่า 10 ที่นั่ง ทั้ง สุโชทัย ชัยนาท ราชบุรี โดย “สมศักดิ์” กล่าวว่า “ตอนนี้ยังอยากอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากมีประเด็นทะเลาะหรือหมางใจ เป็นประเด็นต่อยอดให้ใครโจมตี เพราะเวลานี้ยังมีภารกิจอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่จะต้องทำ เชื่อว่าการเลือกตั้งจะยังไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ จึงยังไม่ได้คิดว่าจะไปสังกัดพรรคใด หากมีข้อสรุปเกิดขึ้น กลุ่มมัชฌิมาจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง”

สอง “กลุ่มสะสมทรัพย์” ของนักการเมืองบ้านใหญ่นครปฐม ซึ่งครองส่วนแบ่งเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ 4 ที่นั่งจาก 5 เขตเลือกตั้ง ก็ตัดสินใจไม่ไปยืนยันกับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่แกนนำพรรคกว่า 20 ชีวิตไปตีกอล์ฟ-กล่อมให้อยู่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยต่อไป

แต่สิ่งที่ได้รับการตอบกลับจาก “ตระกูลสะสมทรัพย์” คือท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” กล่าวว่า จะอยู่หรือไม่ อยู่ที่ไหนไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะ กกต. ประกาศให้มีการเลือกตั้งเมื่อไร ทุกคนก็สามารถไปอยู่พรรคไหนก็ได้ ขอดูนโยบายของแต่ละพรรคก่อนว่า ตรงใจกับประชาชนในพื้นที่หรือไม่ ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ ในตระกูลสะสมทรัพย์ ก็เป็นสิทธิของแต่ละคนที่อยากจะอยู่สังกัดไหน

แหล่งข่าวจากเพื่อไทยกล่าวว่า ยังไม่แน่นอนว่ากลุ่มสะสมทรัพย์จะกลับเข้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่เข้าใจว่าหากไม่กลับมาก็อาจมีเหตุผลด้านธุรกิจในพื้นที่ ซึ่งอาจจะต้องอาศัยการต่อท่อจาก คสช. เป็นตัวตัดสินสำคัญอย่างหนึ่ง

กระดานเลือกตั้งในภาพรวมของ “เพื่อไทย” นอกจากที่นั่ง ส.ส.ลดตาม “กติกา” รัฐธรรมนูญใหม่ อาจสูญเสียที่นั่งเกิน 10 ที่นั่ง หาก 2 กลุ่มการเมืองใหญ่ตีจากไปร่วมหุ้นส่วนพรรคทหาร แม้ว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ยังไม่คิดย้ายพรรค

เด็กสมศักดิ์แหกคอก 1 คน

“สามารถ แก้วมีชัย” ประธานภาคเหนือ กล่าวว่า ภาคเหนือตอนบนไม่มีถูกดูด มีแต่เหนือตอนล่างที่ไม่กลับมายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคคือกลุ่มมัชฌิมา ซึ่งเป็นของนายสมศักดิ์ ซึ่ง

นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ตัดสินใจ เพราะยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านทั่วไปอาจเรียกว่า “แทงกั๊ก” 

“แต่มี ส.ส.ในกลุ่ม 1 คน ที่เข้ามายืนยันกับพรรคเพื่อไทย คือ นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ อดีต ส.ส.สุโขทัย ผมได้นั่งคุยกับเขาแล้ว เขายืนยันว่าไม่ไปไหน ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยแน่นอน”

อีสานผู้สมัครสอบตกย้ายค่าย

“ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” ประธานอีสาน มั่นใจว่า คงมีอดีต ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทยหวั่นไหวไปตามแรงดูดน้อยมาก อาจมีคนไปบ้างแต่ไม่มาก เต็มที่ไม่น่าเกิน 5% เป็นพวกอดีตผู้สมัครสอบตก หรือคนที่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนการลงสมัคร ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่หวั่นไหวไปตามแรงดูด

ส่อเสียฐานกลางบน-นครปฐม 

“อำนวย คลังผา” อดีต ส.ส.ลพบุรี กล่าวว่า เท่าที่เช็กดูอดีต ส.ส.ภาคกลางของพรรคเพื่อไทย ยังอยู่กันครบ เว้นแต่กลุ่มมัชฌิมาซึ่งกินพื้นที่เขตเลือกตั้งภาคกลางตอนบน กับ จ.นครปฐมของตระกูลสะสมทรัพย์เท่านั้นที่ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่

กทม.เลือดไหล

ฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยังคง “เลือดไหล” มีอดีต ส.ส.ทยอยถูกดูด-ลาออกอย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ “โซน กทม.” ของ “พี่โย่ง” องอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ “ไหลออก” ไป 2 หน่อ ได้แก่ “สกลธี ภัทธิยกุล” อดีต ส.ส.กทม. ภายหลังเข้าพบนายสมคิด-ภายในกองบัญชาการเศรษฐกิจ ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล คล้อยหลังไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็ได้รับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.

ขณะที่ล่าสุด นายชื่นชอบ คงอุดม อดีต ส.ส.กทม. ได้ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ในกลุ่ม ส.ส.ปชป. ลาออกจากพรรคอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะไปทำพรรคพลังท้องถิ่นไทย (พทถท.) ของ “ชัชวาลย์ คงอุดม” หรือ “ชัช เตาปูน” ผู้พ่อ ซึ่งเดินสายอย่างหนักทั้งภาคใต้และอีสาน แตะมือกับแนวร่วมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบกับอยู่ในกลุ่มคอนเน็กชั่นของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ที่สวมบทดีลเมกเกอร์การเมือง ซึ่งชัดเจนว่า เป็นอีกหนึ่งกองหนุน “พล.อ.ประยุทธ์” 

ขณะที่ อดีต ส.ส.กทม. ที่เป็นอดีตแกนนำ กปปส. ที่ไปบวชทำให้ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค ได้แก่ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ยังต้องลุ้นว่าจะกลับมา “คืนรัง” ปชป. อีกครั้งหรือไม่

ใต้ลุ้นอดีต กปปส.คืนรัง

อีกพื้นที่หนึ่ง ที่มีอดีต ส.ส.ไหลออก จากผลกระทบการปลุกมวลชน กปปส.ให้ “ฟื้นคืนชีพ” เพื่อปฏิบัติภารกิจ “ภาคต่อ” คือ “โซนภาคใต้” ที่มี “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ดูแล

สำหรับอดีต ส.ส.ภาคใต้ที่เป็นที่แน่นอนแล้ว คือ “ธานี เทือกสุบรรณ” อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่จำใจ “ทิ้งพรรค” ตามรอย “พี่ชาย” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตหัวหน้าม็อบ กปปส.

ขณะที่ “เชน เทือกสุบรรณ” อดีต ส.ส.สุราษฎร์ฯ พี่น้องร่วม “สายเลือดเทือกสุบรรณ” อีกคน ถึงแม้ว่ายังไม่ประกาศตัวชัดเจนว่าจะลาออกจากพรรคเพื่อเดินทางพี่-น้องเทือกสุบรรณ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มาแสดงตัวกับพรรค

นอกจากนี้ยัง “ต้องลุ้น” อดีต ส.ส.ภาคใต้-แกนนำ กปปส.ที่ไปบวช ทำให้ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า หลังจากนี้จะกลับมาอยู่กับ ปชป. ต่อไปอีกหรือไม่ เช่น นายสินิตย์ เลิศไกร อดีต ส.ส. สุราษฎร์ธานี

หลังจาก “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ลาออกจากพรรค-วางมือทางการเมือง ไปเป็น “หัวหน้านำม็อบ กปปส.” ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และยังหวนการเมืองประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อีกคำรบ ทำให้พลังในภาคใต้ของประชาธิปัตย์ อ่อนลงไปพอสมควร และอาจกลายเป็น “คู่แข่ง” สำคัญของ “ประชาธิปัตย์” ในอนาคต

ประกอบกับกลุ่มอดีต ส.ส.ปักษ์ใต้ ของพรรคต่าง ๆ โดยเฉพาะ “กลุ่มวาดะห์” แตกออกมาจากพรรคเพื่อไทย-ตั้งพรรคใหม่ ชื่อ “พรรคประชาชาติ” ทำให้สนามการเลือกตั้งปลายด้ามขวานแข่งกันชนิดหายลดต้นคอกันเลยทีเดียว

อีสานเนื้อหอม

มากันที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของ “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช” รองหัวหน้า ปชป. ซึ่งในช่วงปิดเทอมทางการเมืองมากว่า 4 ปี ซุ่มทำงานหนัก-ลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ หวังชนะใจ “คนอีสาน” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้อดีต ส.ส.ทั้งแบบเขต 4 คนและแบบบัญชีรายชื่อ 5 คน อยู่กับครบ-ไม่หนีหน้าหายไปไหน นอกจากนั้นยังมี “อดีตผู้สมัคร ส.ส.” พรรคเพื่อไทย มาขอร่วมชายคาในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย

กลาง-ตอ.สู้ “พลังดูด”

พื้นที่ที่ “ร้อนระอุ” ที่สุด คือ ภาคกลาง-ตะวันออก เพราะมีอดีต ส.ส.จากพรรคพลังชล (พช.) ของนายสนธยา คุณปลื้ม ถูก “พรรค คสช.” ออกอิทธิฤทธิ์-พลังดูดอย่างแรงกล้า

“สาธิต ปิตุเตชะ” รองหัวหน้า ปชป. คุมโซนภาคกลาง-ตะวันออก ไม่มีใครย้ายพรรค อยู่ครบ เป็นอดีต ส.ส.เขต 26 คน รวมบัญชีรายชื่ออีก 4-5 คน

เหนือแน่นปึ้ก

ปิดท้ายที่ “โซนภาคเหนือ” ภายใต้การดูแลของ “อัศวิน วิภูศิริ” ขณะนี้ยังไม่มีอดีต ส.ส.ภาคเหนือ ย้ายไปอยู่พรรคอื่น แบ่งออกเป็น ส.ส.เขต 12 คน รวมบัญชีรายชื่อ 17-18 คน

ยังไม่นับข่าวลือที่ตระกูล “อดิเรกสาร” แห่ง จ.สระบุรี ของพรรคชาติไทยพัฒนา เตรียมเปิดท่าทีครั้งใหม่ ไปร่วมกับพรรคทหาร

ในอดีตปี 2535 พรรคสามัคคีธรรม เคยดูด ส.ส. – แกนนำพรรคการเมือง เข้ามารวมไว้ในพรรคเดียวกัน

ปี 2535 “พล.อ.สุจินดา คราประยูร” รับแรงหนุนจากพรรคสามัคคีธรรม แต่อยู่ในตำแหน่งได้เพียง 47 วัน

พรรคพลังประชารัฐและพรรคเครือข่ายทหารจะหนุน “พล.อ.ประยุทธ์” ได้ถึงฝั่งฤๅตามรอยหัวหน้ารัฐประหารรุ่นพี่