เสวนาวันปรีดี 3 พรรค ปลุกแก้รัฐธรรมนูญ 60 หลังเลือกตั้ง “ธนาธร” สานต่อคณะราษฎรให้อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดอภิปรายหัวข้อ “อภิวัฒน์สยาม 2562 : ความหวังและอนาคตประเทศไทย” เนื่องในวันปรีดี พนมยงค์ ประจำปี 2561 โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมือง ประกอบด้วยนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ศ.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปราย

โดยนายวราวุธ เชื่อว่า การเลือกตั้งภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ 60 การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้บางส่วน เพราะรัฐธรรมนูญมีข้อจำกัดด้านการบริหารรัฐบาล ต้องขอความเห็นชอบจากศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ การเปลี่ยนแปลงไม่สามารถหักด้ามพร้าด้วยเข่า ไม่สามารถแก้ไขด้วยการเลือกตั้งภายในครั้งนี้ แต่จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราใดมาตราหนึ่งที่เป็นตัวถ่วงในการบริหารประเทศชาติ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้น การเลือกตั้ง ก.พ.2562 จะเป็นจุดเริ่มต้นนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่การการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง

“ใครจะคาดคิดว่าการเลือกตั้งในมาเลเซีย ประชาชนหลายสิบล้านคนแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ทำให้ฝ่ายค้าน ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด สามารถกลับมาชนะด้วยคะแนนเสียงของประชาชน สิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งคนไทย 50 ล้านคนที่มีสิทธิลงคะแนน หลายสิบล้านคนลงคะแนนครั้งแรก เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมาใช้สิทธิ์แสดงให้เห็นว่าก้าวต่อไป แล้วออกมาแสดงให้เห็นว่าก้าวต่อไปของประเทศจะเป็นอย่างไร หรือ จะนั่งอยู่หลังคีย์บอร์ดแล้วบ่นว่าอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้” นายวราวุธ กล่าว

ด้าน น.ส.รัชดา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอยู่เงื่อนไขว่าการเมืองจะดีขึ้นเมื่อ ส.ส.ต้องเป็นตัวแทนประชาชนและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าเป็นตัวแทนกลุ่มอำนาจ เผด็จการ กลุ่มทุน การเลือกตั้ง ส.ส.ไม่มีความหมาย และประชาชนต้องรู้เท่าทันพรรคการเมือง นโยบายพรรคการเมืองด้วย การเลือกตั้งเป็นโอกาสให้ประชาชนศึกษานโยบายแต่ละพรรค อันไหนที่ดีควรทำต่อ อันไหนบกพร่องแล้วเสนอมาใหม่ที่ทำให้ประเทศเสียหาย ก็ควรไม่เลือกอีกแล้ว

ขณะที่ น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า มีความหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะมีโหวตเตอร์เกิดขึ้นใหม่ 8 ล้านเสียง ไม่เคยใช้สิทธิเลือกตั้งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แต่คนที่อาวุโสซึ่งไม่ใช่สิทธิตั้งแต่ปี 2554 ถึงเวลาของเขาแล้วที่ใช้สิทธิของเขาเพื่อเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ ประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่เป็นระบบที่สวยงามที่สุด ควรปล่อยให้ประชาธิปไตยเจริญเติบโตไปตามธรรมชาติไม่ควรมีอะไรมากั้นกลาง ทำให้ประชาธิปไตยมีปัญหา มีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบอย่างถูกต้อง ประชาชนก็เห็นเอง ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินดีกว่าอะไรควรอยู่ ควรไป อะไรคือสิ่งควรเลือกไม่ควรเลือก

นายธนาธร กล่าวว่า ผลของการปฏิวัติ 2475 กับปัจจุบันสิ่งที่ยังไม่สำเร็จคือ หลักการเป็นพลเมืองในประเทศไทยยังไม่ถูกสถาปนา อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลายยังไม่ได้ถูกสถาปนาให้หยั่งรากลึกลงไปในสังคมไทย สถานะพลเมืองคือการยึดหลักสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคให้กับทุกคน สิ่งเหล่านี้ยังไม่มี

“การเลือกตั้งครั้งนี้ จำเป็นต้องทำภารกิจของ 2475 ที่ยังทำไม่เสร็จมาทำให้เสร็จ ไม่ได้พูดด้วยความโอหังหรือทะนงตน แต่พูดด้วยความเข้าใจดีถึงสภาพปัจจุบันที่ผู้คนไร้สิทธิ ไร้เสียง และไร้เสรีภาพ สังคมไทยไม่มีความหวัง ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากการเลือกตั้ง 2562 มีจริง ธงที่สำคัญที่สุดคือเอาหลักหมุดหมายของการอภิวัฒน์ 2475 กลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง คือการให้อำนาจเป็นของราษฎรทั้งหลาย” นายธนาธร กล่าว

ทั้งนี้ในวงเสวนามีการตั้งประเด็นหากผู้ร่วมทั้ง 4 คนได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะผลักดันเรื่องใด โดยนายวราวุธ ระบุว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีใน 1 วันจะตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เหมือนปี 2538 ที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีเคยแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 211 จนนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญ 2540 โดยส่วนตัวจะตั้ง ส.ส.ร. ดีที่สุดในประเทศ ดังนั้น ประเทศจะก้าวหน้ามั่นคง คือกฎกติกาการบริหารประเทศ แม้จะทำได้ไม่ดีเท่าผู้เป็นพ่อทำ แต่ก็อยากทำ

เช่นเดียวกับ น.ส.ขัตติยา ระบุหากเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะต้องทำประชามติ นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ ใช้จากนั้นก็มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วทำประชามติโดยตั้ง ส.ส.ร. เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่จำกัดเสรีภาพ

ส่วนนายธนาธร ระบุว่า ถ้าเป็นนายกฯ ควรยกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี2560 ถ้าเชื่อว่าอำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญต้องเป็นของราษฎร ซึ่งปัญหาของรัฐธรรมนูญ ปี2560 ขัดหลักการอำนาจประชาชนเป็นของประชาชน ส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญ ปี2560 ไม่สามารถแก้ไขได้ แม้จะมีเสียงในสภามากถึง 300-400 เสียง ก็แก้ไขไม่ได้ วิธีการเดียวต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยการนำเอาจิตวิญญาณธงเขียวเมื่อปี 2540 กลับมาอีกครั้ง สร้างการเห็นด้วยจากประชาชนว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2560 ต้องยกเลิกแล้วร่างใหม่ เงื่อนไขเดียวคนในสังคมต้องเห็นร่วมกันขอชวนประชาชนนำสปีริตนั้นกลับมาให้เป็นวาระแห่งชาติ จึงขอเชิญประชาชนมาร่วมผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา และต้องเอาทหารออกจากการเมืองให้ได้ขณะที่ น.ส.รัชดา จากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หากได้เป็นนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะผลักดันการกระจายอำนาจครอบคลุมการปฏิรูปตำรวจ ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ในจังหวัดที่มีศักยภาพไม่ใช่ให้นายกรัฐมนตรีจับโยกย้ายไป ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ปี2560 แม้ไม่ใช่ฉบับที่ดีที่สุด แต่รัฐธรรมนูญจำเป็นต้องแก้ไข เพียงแต่ไม่ใช่วาระแรก

นอกจากนี้ ตัวแทนพรรคการเมืองยังตอบคำถามว่า ขณะนี้ถูกดูดไปร่วมงานกับพรรคการเมืองที่ คสช.ตั้งขึ้นหรือไม่ และ หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งจะสนับสนุนหรือไม่ โดยนายวราวุธ กล่าวว่า ถ้ามาตามระบบลงสมัคร ส.ส.ผ่านพรรคการเมืองมา ตนอยู่ในระบบพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้งรับได้ แต่อยู่ๆ ลอยขึ้นมาไม่สนับสนุน ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาไม่โดนดูด ให้ดินกลบหน้าก่อนถึงจะออกจากพรรค

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ไม่นิยมการดูด ส.ส.เพราะการดูดคือการไม่เลือกว่าเอาใคร ไปอยู่ในพรรคขอให้เลือกคนเข้าไว้ ขัดต่อประชาธิปไตย ที่คุยกันอยู่ไม่ได้คุยกันเพื่อบ้านเมืองแต่คุยกันกี่ที่นั่ง แล้วเอาตำแหน่งอะไรไป ไม่สนับสนุน ส่วนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ ตนสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์

น.ส.ขัตติยา มองว่า การดูด ส.ส.เหมือนดูดของเหลว ถ้าเราเป็นสิ่งที่เข้มแข็งก็ไม่สามารถถูกดูดได้ ถ้าดูดก็ดูดได้แต่ของเสียที่ไม่มีอุดมการณ์ ไม่ได้อยู่กับพรรค การที่โดนดูดไปง่ายๆ ก็เพราะไม่เคารพประชาชนทั้งที่มาจากประชาชน การที่โดนดูดไปง่ายๆ ก็เพราะดูถูกประชาชน ส่วนการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ พรรคเพื่อไทยยืนยันอุดมการณ์ไม่เอาเผด็จการรักษาประชาธิปไตยหัวใจคือประชาชน แม้จะมาจะผ่านการเลือกตั้ง แต่เมื่อมีต้นตอจากเผด็จการจึงไม่สามารถสนับสนุนได้

นายธนาธร กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเป็นเรื่องดีมาก ที่เริ่มดึง ส.ส.พรรคอื่นไป เพราะจะทำให้ประชาชนเห็นชัดว่านักการเมืองคนไหนทรยศต่อวิชาชีพตัวเอง ส่วนเรื่องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ว่าใครที่มาตามวิถีทางประชาธิปไตยพรรคอนาคตใหม่ไม่รับ