
คดีการเมืองยืดเยื้อ ทักษิณ ชินวัตร ได้ปล่อยตัวชั่วคราว คดี ม.112 วางหลักประกัน 5 แสนบาท ห้ามออกนอกประเทศ แต่คดีคุณสมบัติเศรษฐา กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ศาลต้องการข้อมูล-พยานบุคคลเพิ่ม นัดพิจารณา 10 ก.ค. ด้านพรรคก้าวไกลได้ลุ้น ศาลสั่งส่งบันทึกพยาน-ตรวจเอกสารพิจารณาอีก 2 ครั้ง ก่อนตัดสินคดียุบพรรค ก.ค. เดินหน้าเลือก สว.ระดับประเทศไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
คดีการเมืองที่คาศาลรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ผู้นำฝ่ายค้าน และกรณีการเลือก สว. รวมทั้งคดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร ถูกนำมาพิจารณาตัดสินในวันที่ 18 มิ.ย. 2567
ทักษิณได้ประกัน-ห้ามออกนอกประเทศ
จากกรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงความเห็นสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อศาลอาญา ตามข้อกล่าวหาผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และมาตรา 112 โดยในขั้นตอนแรก นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า
นายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการ ให้เป็นผู้รับผิดชอบ ได้ส่งฟ้องนายทักษิณต่อศาลอาญา ตามข้อกล่าวหา ม.83 และ ม.112 เรียบร้อยแล้ว ศาลประทับรับฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 คดีได้เข้าสู่กระบวนการของศาลอาญา
จากนั้นศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด อายุมาก มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งแน่นอน อยู่กับครอบครัว ประกอบกับโจทก์(อัยการ) ไม่คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว มีเหตุสมควรเชื่อว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาจำเลยจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น หรือขัดขวางการพิจารณาของศาล
ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณา โดยให้ตีราคาหลักประกันวงเงิน 500,000 บาท กับให้จำเลยวางหนังสือเดินทาง ยึดหนังสือเดินทาง และหลักประกันทำสัญญา ห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล โดยนายทักษิณเดินทางออกจากศาลอาญา ในเวลา 12.15 น.
เศรษฐาลุ้นต่อ 10 ก.ค. 67
อีกคดีเป็นกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่รู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากผู้ถูกร้องที่เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพิจารณาต่อในวันพุธที่ 10 ก.ค. 2567 ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่ง เลขาฯ ครม.เป็นพยาน
ด้านนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าศาลให้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ลักษณะเดียวกับคดีของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นการเริ่มพิจารณา ส่วนพยานที่ส่งไปเพิ่มเติมมีเพียง 1 คน คือนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นบุคคลที่รู้กระบวนการทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ตรวจดูคำชี้แจงของนายกฯ มีความเป็นไปได้ที่นายกฯจะรอดใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีความเห็น หากจะให้บอกว่าไม่รอดแน่ ๆ ก็จะประหลาด หรือจะให้บอกว่ารอดแน่ ๆ ก็พูดไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ในกระบวนการของศาล เพื่อให้ศาลสบายใจ ส่วนรายละเอียดคำชี้แจงเดี๋ยวคงมีการเปิดเผยกันออกมาเอง ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร เพียงแต่ในชั้นนี้ศาลยังไม่ได้พิจารณา เราจะมาพูดแถลงนอกศาลไม่ได้
ผิดจริยธรรมต้องยื่น กกต.
ส่วนกรณีมาตรฐานทางจริยธรรม ได้ชี้แจงศาลหรือไม่นั้น นายวิษณุกล่าวว่า ส่งคำอธิบายไป แต่ไม่ได้ถึงขนาดอธิบายเป็นคำนิยาม เพราะเป็นคำที่เข้าใจกันอยู่ทั่วไป เพียงแต่คำว่าซื่อสัตย์สุจริต หรือมาตรฐานจริยธรรม มีความหมายของมันตามรัฐธรรมนูญและมีกระบวนการ
คำว่ามาตรฐานจริยธรรมไม่ใช่เป็นที่เราแต่งขึ้นเอง แต่เป็นคำเฉพาะที่เหมือนชื่อคน เป็นชื่อกฎหมาย ถ้าจะมากล่าวหาว่าใครผิดมาตรฐานจริยธรรมก็จะต้องร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีเส้นทางในการดำเนินการ
“ผมเชื่อว่าเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ศาลจะพิจารณา เพราะอย่างอื่นสามารถพิสูจน์เป็นรูปธรรมได้ เช่น เคยติดคุกหรือไม่ เคยต้องคำพิพากษาหรือไม่ แต่เรื่องมาตรฐานจริยธรรมไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ หากไม่มีกระบวนการโดยเฉพาะต่างหาก เรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อยู่ ๆ จะไปบอกว่าใครไม่ซื่อสัตย์สุจริตตามรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะจะทำให้ขาดคุณสมบัติตลอดชีวิต” นายวิษณุกล่าว
“พิชิต” พ้นจากตำแหน่งถือว่าจบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าเรื่องมาตรฐานจริยธรรมน่าจะเป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นเป็นผู้พิจารณา นายวิษณุกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นพิจารณาอยู่ด้วย
เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีคดีลักษณะเดียวกันหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด โดยเป็นกรณีที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ และมาร้องเรียนเพื่อเอาออกจากตำแหน่ง แต่กรณีของนายพิชิต ชื่นบาน ปัจจุบันได้ออกจากตำแหน่งไปแล้วก็จบ เป็นเรื่องที่ตั้งไปแล้ว เป็นรัฐมนตรีแล้ว หลายคนเป็นพฤติกรรมที่ทำไปแล้วเป็นชิ้นเป็นอันในขณะนั้น เมื่อถามย้ำว่า มาตรฐานจริยธรรมต้องวัดหลังจากดำรงตำแหน่งใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ได้ตอบแบบนั้น แล้วแต่ศาล เราบอกก่อนไม่ได้
บรรทัดฐานแต่งตั้งรัฐมนตรี
เมื่อถามอีกว่า หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ครั้งนี้จะถือเป็นบรรทัดฐานเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าเป็นบรรทัดฐาน เมื่อถามว่าเป็นเพราะนายกฯไม่รู้พฤติกรรมในอดีตใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าขอไม่อธิบายตรงนี้ ขอไปอธิบายกันในศาล ส่วนผลจะออกมาเร็วหรือช้านั้น ไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ภายใน 3-7 วันนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไม่ต้องชี้แจงแล้ว เพราะได้ส่งพยานไปแล้ว 1 คน
ขณะที่นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า คงพูดอะไรได้ไม่มาก ส่วนจะชี้แจงกรณีที่ 40 สว.ระบุว่าไม่ได้มีการชี้แจง มาตรา 160 (4) (5) รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเรื่องมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์อย่างไร นางณัฐฏ์จารีกล่าวว่ามีในการชี้แจง
ยุบพรรคก้าวไกลลุ้นต่อ 3 ก.ค. 67
คดีต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคําร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเข้าลักษณะกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)
ทั้งนี้ คำร้องของ กกต.ได้แนบคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ที่วินิจฉัยว่าพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ด้วยการหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคล ผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และห้ามมีส่วนร่วมกับการจดจัดตั้งพรรคใหม่ 10 ปี
ต่อมา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 พรรคก้าวไกลได้ยื่นแก้ข้อกล่าวหา จากนั้น 12 มิถุนายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ กกต. ผู้ร้องยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาล
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวันที่ 18 มิ.ย. โดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า 1.เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณากำหนดให้บุคคลเสนอบันทึกถ้อยคำ ยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นล่วงหน้าต่อศาลรัฐธรรมนูญตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
2.มีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 3.กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2567 4.กำหนดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยานหลักฐานในวันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2567
เดินหน้าเลือก สว. 200 คน
ขณะที่คดีที่ผู้สมัคร สว. 6 คน ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง และศาลปกครองส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาเรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36, 40 (3), 41 (3) และมาตรา 42 (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ ซึ่งเป็นกระบวนการการเลือก สว.ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า ทั้ง 4 มาตรา ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
จากคำวินิจฉัยดังกล่าว ทำให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในระดับประเทศ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 26 มิ.ย. 2567 เพื่อคัดผู้สมัคร สว.จาก 3,000 คน ในระดับจังหวัดให้เหลือ สว. 200 คน จะเดินหน้าต่อไป