พิธา อภิปรายสภาก่อนไปฟังคำตัดสินคดียุบพรรค หารือแก้ปัญหาน้ำแนะรัฐบาลเร่งเยียวยา

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธาลุกขึ้นอภิปราย ก่อนไปฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล หารือปัญหาบริหารจัดการน้ำ แนะรัฐบาลเฝ้าระวัง-เตือนภัย เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม

ช่วงหนึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ใช้เวลาก่อนที่จะเดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาล ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น

โดยนายพิธาลุกขึ้นปรึกษาหารือตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 24 ถึงปัญหาด้านการจัดการน้ำ โดยระบุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลได้เริ่มต้นเรื่องการบริหารจัดการน้ำไปแล้ว แต่คำพูดที่ว่า “หน้าแล้งขนน้ำไปหาคน หน้าฝนขนคนหนีน้ำ” ยังอยู่ในใจของพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ

จึงขอเสนอเรื่องเร่งด่วน 3 ประเด็น 1.ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศจากต้นปี 2567 ที่ประเทศไทยประสบกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดภัยแล้งและภัยร้อน ที่กระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรหลายประเทศ อาทิ ธัญพืช และพืชอาหาร แต่เมื่อเข้าไตรมาสที่ 3 จะเริ่มเห็นปรากฏการณ์ของลานีญาที่มีปริมาณฝนตกชุกมาก

Advertisment

ซึ่งขณะนี้พบว่ามีจังหวัดที่เผชิญกับปัญหาแล้วถึง 37 จังหวัดทั่วประเทศ จึงทำให้หลายจังหวัดเกิดน้ำท่วมทันที หลังจากที่ฝนตกไปแล้วประมาณ 24-36 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้การเฝ้าระวังและการเตือนภัยจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องการเยียวยาประชาชน นายพิธากล่าวว่า รัฐบาลควรเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที เพราะเมื่อประชาชนเผชิญกับปัญหา เขาต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ถูกวางแผนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นค่าขนส่ง ค่าเช่าบ้าน ค่าซ่อมแซม หรือค่าข้าวของเครื่องใช้ในการทำมาหากิน จึงอาจนำไปสู่อุบัติเหตุทางการเงินระยะยาวที่เยียวยาได้ยาก

Advertisment

ขณะที่ประเด็นที่ 3 เรื่องการจัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำ ผ่านการแก้ไขคุณภาพและสิทธิในการเข้าถึงน้ำสะอาด นายพิธากล่าวว่าสัดส่วนของครัวเรือนที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำประปาในเขตชนบทมีถึง 12.8% ส่วนในเขตเมืองมีแค่ 3.3% ส่งผลให้ครัวเรือนที่ยากจนที่สุดในประเทศกลับต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุถัง บรรจุขวดมาดื่มเองเกือบ 75%

ตนจึงอยากปรึกษาหารือประธานสภา ผ่านไปยังรัฐบาลให้เห็นถึงความสำคัญของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับน้ำทั้งหมด รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ที่พรรคก้าวไกลได้นำเสนอไว้ เพราะเราตั้งใจที่จะให้รัฐบาลมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชน