“บิ๊กตู่” ห่วงผลกระทบสงครามการค้า ชี้ส่งออกไทยชะลอตัว เหตุจากเศรษฐกิจโลก

“บิ๊กตู่” ห่วงผลกระทบสงครามการค้า กำชับติดตามข้อมูล-หาแนวทางรองรับ จ่อหารือในครม.เศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นห่วงถึงผลกระทบของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า และกำชับให้รายงานข้อมูลผลกระทบดังกล่าว เพื่อเตรียมการหารือในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ

นางนฤมลกล่าวว่า การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงและสถานการณ์ของสงครามการค้าตั้งแต่ต้นปี 2561 ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าช่วง 5 เดือนแรกของปี หดตัวลงร้อยละ 2.7 แต่ยังถือว่าหดตัวต่ำกว่าประเทศอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ที่มีอัตรามูลค่าการส่งออกช่วง 5 เดือนแรกของปีหดตัวลงร้อยละ 8.7 และร้อยละ 7.4 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจในประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน จะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากมีผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ โดยผลกระทบทางลบ คือ กลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีกับทุกประเทศทั่วโลก เช่น แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนผลกระทบทางบวก คาดว่าจะมาจากการส่งออกสินค้าที่ไทยสามารถคว้าโอกาสทดแทนในตลาดจีน เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และในตลาดสหรัฐฯ เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น

นางนฤมลกล่าวว่า นอกจากนี้ ผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้า ยังอาจส่งผลให้เกิดการย้ายการลงทุนจากจีนมาไทย เพราะจีนเป็นแหล่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่สำคัญอันดับ 7 ของไทยในปี 2561 โดยมีมูลค่าคงค้าง 5,012 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.12 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.0 ในปีก่อนหน้า และขยับสูงขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ในไตรมาส 1 ปี 2562 โดยจีนขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไทยถึง 38 โครงการ มีมูลค่ารวม 9,072 ล้านบาทน

“ท่านนายกฯ จึงได้มอบหมายให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาหาแนวทางรองรับผลกระทบทางลบ และปรับเปลี่ยนมาตรการที่ระดับโครงสร้างเพื่อให้ไทยเราได้รับประโยชน์จากผลกระทบทางบวกให้ได้มากที่สุด โดยจะได้นำเรื่องเหล่านี้เข้าสู่การพิจารณาใน ครม.เศรษฐกิจต่อไป และท่านนายกฯ กำชับว่าการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ จะต้องดูแลเศรษฐกิจทั้งสามระดับ คือ บน กลาง และ ล่าง เน้นให้เกิดการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นางนฤมลกล่าว

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์