“ประยุทธ์” แจงหนี้ครัวเรือน 65% เป็นหนี้ดี ปัดเป็นเผด็จการ – ยึดรัฐธรรมนูญฉบับเดียวไม่ได้

เมื่อเวลา 14.15 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงประด็นเศรษฐกิจ ว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะนี้หนี้ครัวเรือน 34 เปอร์เซ็นต์ของหนี้ครัวเรือน เป็นหนี้จากที่อยู่อาศัย 18เปอร์เซ็นต์จากการทำธุรกิจ 13 เปอร์เซ็นต์จากการเช่าซื้อรถยนต์ 3 เปอร์เซ็นต์ จากบัตรเครดิต 3 เปอร์เซ็นต์ จากการศึกษา 29 เปอร์เซ็นต์จากหนี้ส่วนบุคคลอื่น ๆ รวมแล้วเป็นหนี้เกิดจากการสะสมสินทรัพย์และรายได้ 65 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่เราต้องให้ความสำคัญ คือ หนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล หนี้นอกระบบ

“เรื่องการเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง ผมเห็นหลายท่านเอารูปผมถ่ายรูปกับคนโน้น คนนี้ 4 ตระกูล 24 ตระกูล หายไปตระกูลหนึ่งมั้งครับ ตระกูลนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ อีกตระกูลหนึ่งอ่ะ 25 คนที่รวยผิดปกติหรือเปล่าไม่รู้ คนที่ทำถูกกฎหมายก็อยู่ได้ หายไปตระกูลหนึ่งนะ พลาดไปหน่อย ผมถือว่าเป็นการประชุมโดยเปิดเผย มีการพบปะอย่างเปิดเผย ถ้าใครไม่มีรูปแบบนี้ แสดงว่ามีการพบปะแบบไม่เปิดเผยมากกว่า”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต ไว้ซื้อของใช้จำเป็น ไม่ได้ซื้อแค่ในร้านธงฟ้า แต่ปลดล็อคไปแล้ว เช่น ร้านโชห่วยขนาดเล็กในชุมชนต่างๆ ปัจจุบันมีร้านธงฟ้าประชารัฐ 86,784 ร้านค้าทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีรายได้น้อย 14.6 ล้านคน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การใช้จ่ายผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรด บิ๊กซี เทสโก้โลตัส 7-11 นั้น สัดส่วนต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้จ่ายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐขนาดเล็ก มีการใช้จ่ายในร้านค้าโมเดิร์นเทรด 1,071 รายการ มียอดการใช้จ่าย 3 ล้าน จุด 14 ล้านรายการ คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.03 ของการทำรายการทั้งหมด สำหรับการใช้จ่ายเป็นเงิน 153,444 บาท จากยอดการใช้จ่าย 53,707 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของมูลค่ารายการทั้งหมด มาตรการชิมช้อปใช้ได้ประโยชน์ 3 ส่วน ผู้ซื้อ ประชาชนผู้มีรายได้ปานกลาง จะซื้อที่ร้านไหนก็ได้ เช่น ร้านค้าชุมชน มีหน่วยงานประเมิน

“เรื่องเศรษฐกิจถอดถอย รัฐบาลจีนเปิดร้านค้าออนไลน์เสรี และทำไมธุรกิจเอสเอ็มอีขาดทุน เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวตามกลไกตลาดให้อยู่รอดได้ แข่งขันกับทุนใหญ่ไม่ได้ ต้องปรับเปลี่ยนบ้าง ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางให้การอบรมให้ความรู้ ถ้าไม่เข้ามาก็แข่งขันไม่ได้ ถ้าให้แบบเดิมก็เหมือนยาชา หรือ ยาพิษด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นต้องพัฒนาร่วมกันปฏิรูป ร้านค้าปลีก ร้านค้าย่อย เอสเอ็มอี ซึ่งวันนี้ตลาดออนไลน์พัฒนามากขึ้น ทั้งสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน กองทุนชุมชน กองทุนประชาชน แต่ยังไปไม่ทั่วถึง เพราะที่ผ่านมายังทำได้ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การใช้มาตรา 44 เลิกใช้ไปตั้งนานแล้ว คสช.ก็เลิกไปแล้ว 7 8 เดือน หลายอย่างยกเลิกไป หลายอย่างที่เป็นกฎหมายสำคัญที่ต้องใช้ประโยชน์อยู่ก็ทำไป การไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ ที่ผ่านมาเอาคนเข้าไปเท่าไร ไม่ไล่ออกทั้งหมดหรอกครับ ยกเว้นพื้นที่ป่า อุทยาน

“เรื่องเสรีภาพ ผมไม่เคยบังคับเสรีภาพของใคร เว้นแต่บางช่วงเวลาจำเป็น ช่วงแรก ๆ ที่ผมเข้ามา ก็จำเป็น ท่านก็เห็น ที่ผ่านมามีบทเรียน คนก็ไม่ชอบ การค้าขายไม่ได้ การมีเสรีภาพแบบไร้ขีดจำกัดไม่ได้ครับ ต้องทำตามกฎหมาย กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับเดียวไม่ได้หรอกครับ ต้องดูกฎหมายลูกอีกหลายพันฉบับ เช่น สิทธิการชุมนุมต้องไม่กระทบกับผู้อื่น ปัญหาจราจร การพูดให้เกิดความแตกแยก ขอให้ระมัดระวังนะครับ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เอสเอ็มอี ต้องขึ้นทะเบียนถึงจะสามารถใช้เงินกองทุน 1 หมื่นล้านบาทได้ แต่ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเพียง 1 ล้านราย จากทั้งหมด 3 ล้านกว่าราย การลงทุน หลายคนบอกว่าทำไมคนรวยรวยมากขึ้น ต้องดูว่าเขารวยเพราะอะไร จากการลงทุน จากการประกอบการที่ถูกกฎหมายหรือไม่

“ผมยืนยันว่า รัฐบาลผม ถ้าทำผิดกฎหมายแม้แต่นิดเดียวผมก็ไม่ยอม ไม่ให้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ผมไปสั่งใครไม่ได้ เป็นการอนุมัติ เป็นการเห็นชอบจากคณะกรรมการหลายหน่วยงานขึ้นมา ถ้าผมเป็นคนแบบนั้น คงอยู่ไม่ได้แบบนี้ ผมยืนยันในเรื่องของผมเองได้ ครม.ของผม ผมเชื่อมั่นในข้าราชการของผม การเอาเรื่องมาอ้าง ไม่เป็นธรรมกับผมมากนัก”

เรื่องภาษี ต้องปรับปรุงระบบภาษี ผมไม่ต้องการไปรีดภาษีใครเลย แต่ต้องช่วยกันเสียภาษี เพื่อทำอย่างไรให้มีรายได้มากขึ้น จึงต้องมีการพัฒนาระบบภาษี

“ผมไปพบประชาชนที่เยาวราช เศรษฐี รวยแล้วล่ะ ผมถามเขาว่า ท่านไปรวยอะไรมา ถึงรวยขนาดนี้ เขาบอกว่า แต่ก่อนมาไม่มีเงินหรอกครับ เสื่อผืนหมอนใบ และขอบคุณคนไทย ที่ให้ที่พักที่อยู่อาศัย คนไทยใจดี ทำให้เขามีกำลังใจในการสู้งาน แต่เขาสงสัยว่า ทำไมคนที่ให้ที่อยู่ที่กินเขาจนเอาจนเอา ซึ่งรัฐบาลกำลังทำให้คนตื่นรู้และช่วยเหลือพอสมควร”

พล.อ.ประยุทธ์อภิปรายทิ้งท้าย ว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้องแก้ด้วยวิธีการ กลไก โดยกฎหมาย ถ้าจะให้ผมใช้อำนาจของผม ผมไม่มีอำนาจขนาดนั้น ถ้าผมมีอำนาจขนาดนั้นผมคงอยู่ไม่ได้