“บิ๊กตู่” เคาะ 12 มาตรการป้องกันล่วงละเมิด-คุกคามทางเพศ

ครม.อนุมัติ 12 มาตรการป้องและแก้ปัญหาล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 เม.ย.63 มีมติอนุมัติร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและมั่นคงของมนุษย์เสนอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานและเกิดประโยชน์ต่อการคุ้มครองผู้ถูกกระทำและพยาน เช่น ให้ทุกองค์กรร่วมประกาศเจตนารมณ์ กำหนดทิศทางการป้องกันการแก้ไขปัญหา และกำหนดกลไกร้องทุกข์ของหน่วยงาน พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน (ศปคพ.) เพื่อทำหน้าที่ประสานหน่วยงานต่างๆ และติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการฯ ด้วย

โดยร่างมาตรการฯ ดังกล่าว เป็นการปรับปรุงหลักการของมาตรการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้แล้ว (16 มกราคม 2558) จาก 7 ข้อ เป็น 12 ข้อ เนื่องจากมาตรการเดิมยังไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เท่าที่ควร ซึ่งมาตรการที่ปรับใหม่นี้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ มีรายละเอียดดังนี้

1.หน่วยงานต้องมีการประกาศเจตนารมณ์เป็นลายลักษณ์อักษร โดยประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรในองค์กรรับทราบอย่างทั่วถึง

2.หน่วยงานต้องมีการจัดทำแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดฯ โดยให้บุคลากรในหน่วยงานได้มีส่วนร่วม

ADVERTISMENT

3.หน่วยงานต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศ และกำหนดให้เป็นประเด็นหนึ่งในหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ

4.หน่วยงานต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการล่วงละเมิดฯ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในองค์กร

ADVERTISMENT

5.หน่วยงานต้องกำหนดกลไกในการร้องทุกข์ภายในหน่วยงาน เช่น ฝ่ายการเจ้าหน้าที่ ฝ่ายกฎหมาย หรือกลุ่มคุ้มครองคุณธรรมฯ

6.การแก้ไขปัญหาอาจใช้กระบวนการไม่เป็นทางการเพื่อยุติปัญหา หากแก้ปัญหาไม่ได้จึงเข้าสู่กระบวนการทางวินัยตามกฎหมาย

7.การแก้ไขปัญหาต้องดำเนินการโดยทันที เป็นไปตามเวลาที่กำหนด และต้องเป็นความลับ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย

8.กรณีมีการร้องเรียนให้แต่งตั้งคณะทำงาน จำนวนไม่เกิน 5 คน หรือให้กลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมดำเนินการสอบข้อเท็จจริง

9.หน่วยงานต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียนและผู้เป็นพยาน และต้องให้การคุ้มครองผู้ร้องเรียนไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง

10.หน่วยงานต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหา โดยในระหว่างร้องเรียนยังไม่ถือว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด และต้องให้โอกาสชี้แจง

11.หน่วยงานต้องรายงานผลการดำเนินงานไปยัง ศปคพ. ภายในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี

12.ศปคพ. เป็นศูนย์กลางประสานงานต่างๆ ในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดฯ และรายงานผลต่อ คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ

“นายกรัฐมนตรีกำชับให้เผยแพร่มาตรการดังกล่าวอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเคร่งครัด มีมาตรฐาน จัดการกับผู้กระทำผิดให้เข็ดหลาบ รวมถึงเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายอย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว”