กรณ์ ใช้สิทธิ์พาดพิงนอกสภา พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง จำเป็นเร่งด่วนยามวิกฤต

พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง…จำเป็นเร่งด่วนในยามวิกฤต กรณ์ ใช้สิทธิ์พาดพิงนอกสภา ซัด ส.ส.นักวิชาการอ่อนประสบการณ์-อภิปรายบนหอคอย

กรณ์ ชี้แจงกรณีพาดพิง “ไทยเข้มแข็ง” จากรัฐสภา

“ผลจากการลงมือทำจริง” จนเป็นผลสำเร็จที่ปรากฎทางตัวเลข แตกต่างกับการมองผ่านเอกสารที่ขาดประสบการณ์ในทางปฏิบัติจนตกผลึก อาจทำให้ตีความเนื้อหาผิดไปได้

กรณ์ ชี้หัวใจสำคัญของการออกกฎหมายลักษณะนี้คือ “ความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้” แนะฝ่ายค้าน 3 ข้อ อภิปรายให้ประชาชนได้ประโยชน์

โดยนายกรณ์ จาติกวณิช ชี้แจงผ่านเพจ Team-Korn Chatikvanij ว่า

#จำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ชี้แจงกรณีพาดพิง “ไทยเข้มแข็ง” จากรัฐสภา

ข้อนี้คือหัวใจสำคัญของการต้องออกกฎหมายกู้เงินด้วยการตราเป็นแบบ “พระราชกำหนด” 

ที่ผ่านมามีการออกพรก.กู้เงิน ลักษณะนี้ 2 ครั้งคือ

1- พรก.กู้ไทยเข้มแข็ง 4 แสนล้าน จำเป็นเร่งด่วนนำมากู้วิกฤตการเงินโลกแฮมเบอร์เกอร์

โดนฝ่ายค้านยื่นศาลตีความ และผ่าน ผลสำเร็จคือ ปีถัดมาตัวเลขเศรษฐกิจดี

2- พรก.กู้น้ำท่วม 3.5 แสนล้าน จำเป็นเร่งด่วน ด้วยเหตุผลน้ำท่วมใหญ่ปี 54

โดนฝ่ายค้านยื่นศาลตีความเช่นกัน และก็ผ่าน แต่เงินงบประมาณไม่ได้ใช้เพราะแผนการไม่พร้อม

เมื่อวานนี้มีสส.พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายพาดพิงโครงการ “ไทยเข้มแข็ง”

ที่ผมเป็นผู้ดูแลโดยตรงเอาไว้ ผมขออนุญาตใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงในพื้นที่ตรงนี้ครับ

ข้อเท็จจริง #ไทยเข้มแข็ง

– งบประมาณปี 51 ที่จัดทำโดยรัฐบาลชุดก่อน เงินคงคลังปิดหีบไม่ลง

– รายได้ประเทศจากภาวะวิกฤตน้ำมันโลกต่ำเป้า 2.8 แสนล้าน

– รายได้ที่ต่ำเป้าชดเชยขาดดุลสำหรับปิดเงินคงคลัง 3.47 แสนล้าน

– ขีดเพดานพรบ.หนี้สาธารณะ กู้ได้ไม่เกิน 4.41 แสนล้าน ซึ่งไม่พอ

– ผลกระทบคือ ระบบการเบิกจ่ายเงินภาครัฐทั้งหมดจะหยุดชะงัก

>> ข้อนี้สรุปทางเทคนิคทางการคลังได้ว่า “จำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้” 

– กรอบงบที่ใช้ชัดเจนจากโครงการที่พร้อมใช้เงินแล้ว และศึกษามา พร้อมใช้เลย

– เป้าหมายคือการ “ปั๊มหัวใจ” เศรษฐกิจให้เกิดการลงทุนขนาดเล็ก ทั่วทุกจังหวัด

– ผลที่ได้คือ SME มีงานทำ ลูกจ้างไม่ตกงาน เงินสะพัดในชุมชน หมุนเวียนในระบบ

– รวมไปถึงการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรผ่าน “ประกันรายได้ฯ” โดยตรง

ผลสำเร็จของไทยเข้มแข็งพิสูจน์ได้ชัดเจนมากจากการที่

1- เงินคงคลังที่ตอนแรกคาดว่าไม่พอ กลับเพียงพอปิดหีบได้ลงตัว

2- โครงการที่ต้องใช้เงินเร่งด่วนก็ใช้เงินในระบบงบประมาณปกติได้

3- เกลี่ยงบใหม่เป็นก้อนเงินลงทุนจ้างงานทั่วประเทศในปี 53 จนเศรษฐกิจฟื้นเร็วอันดับ 2 ของโลก

4- จากติดลบในปีก่อนหน้า โต 7.8% และได้แรงหนุนจากภาคส่งออกกลับมาโต 28.5%

5- คาดการณ์คนไทยตกงานเดือนละล้านคน ก็ไม่ปรากฎ เพราะเราพยุงด้วยแผนลงทุนทั่วไทย

ทั้งหมดนี้คือ “ผลจากการลงมือทำจริง” จนเป็นผลปรากฎทางตัวเลข

สส.นักวิชาการท่านนี้ มองผ่านเอกสาร ขาดประสบการณ์ในทางปฏิบัติจนตกผลึกว่า หัวใจที่สำคัญที่สุดของการตรากฎหมายแบบนี้คือ “ความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อกู้วิกฤต”

เป้าสำคัญของ พรก.กู้ 1 ล้านล้านฉบับนี้

ส่วนที่ด่วนจริงในเกณฑ์เดียวกับไทยเข้มแข็งคือก้อน 6 แสนล้านที่ระบุว่าจะช่วยประชาชน และ SME ตรงนี้ทีมกรณ์เชียร์ให้ทำโดยเร็ว

แต่อีก 4 แสนล้านบาท เห็นด้วยเลยครับที่จะต้องมีการตั้งตรวจสอบอย่างเข้มข้น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เงินกู้แบบนี้มีระยะเวลากำหนด หากใช้ไม่ทัน เพราะยังไม่มีแผนก็จะต้องถูกล้มพับไปเหมือน พรก.กู้น้ำท่วมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่านี้ หากเล็งเป้าสำคัญ 3 ข้อได้ถูกจุด คือ

1- ตรวจสอบความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการก้อน 4 แสนล้าน

2- หากลไกร่วมวางระบบการป้องกันและตรวจสอบทุจริตจากโครงการ

3- ช่วยทำให้วิธีเบิกจ่ายงบประมาณทันต่อความต้องการของประชาชนในยามวิกฤต

โดยก่อนนี้ คุณกรณ์เองก็ได้เสนอแผน “4 กำแพงกั้นโกง” เอาไว้แล้วทางลิงค์ https://www.facebook.com/71254499739/posts/10158575131829740/ ศึกษาเพิ่มเติมได้ครับ