อัพเดต ‘ขุนพลทักษิณ’ แตกพรรค ‘กลุ่มแคร์’ เร่งเครื่องเปิดเกม เพื่อไทย ‘ไม่แคร์’

ในสัปดาห์นี้พรรค-เครือข่ายทักษิณ ชินวัตร จะขยับเขยื้อนการเมืองตั้งแต่เคลื่อนไหวระดับเล็ก ๆ ไปจนถึงเปิดตัวอลังการ

จังหวะการเคลื่อนไหวใหญ่ที่สุด คือการเปิดตัวกลุ่มแคร์ เพราะในขณะที่ 4 กุมาร แห่งพรรคพลังประชารัฐ ใกล้ถึงจุดอัสดงทางการเมือง สวนทางกับ 4 กุมาร แห่งเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร กำลัง “ขาขึ้น” ทั้ง “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มแคร์ คิด-เคลื่อน-ไทย ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 17 มิถุนายน 2563

ผสานกับคีย์แมนคนอื่น ๆ “ดวงฤทธิ์ บุนนาค” สถาปนิกและนักออกแบบ “พริษฐ์ รักตพงศ์ไพศาล” บุตรชายของเฮียเพ้ง, นพ.พรหมินทร์ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย (คำผกา) นักเขียนและพิธีกร “วีรพร นิติประภา” นักเขียนซีไรต์ เจ้าของนวนิยายเรื่อง “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต”

“หมอมิ้ง” ระบุว่า เบื้องหลังกว่านั้นยังมีนักวิชาการ นักธุรกิจ นักการเงิน เจ้าของสื่อร่วมขบวนอยู่หลังฉาก

และขยายความหมายของ “กลุ่มแคร์” ว่าปักหมุดขับเคลื่อนวาระสังคมโดยการเมืองภาคประชาชน civic movement และยังมีดำริความคิดและเชื่อมั่นประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม คิด ทำ เป็นพื้นฐานประชาธิปไตย

“ช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้น เราควรจะต้องมีการเตรียมตัวในภาวะวิกฤตอย่างนี้ สิ่งสำคัญที่จะฝ่าฟันวิกฤต คิดว่ามี 3 ปัจจัยสำคัญ 1.เรื่องความคิดริเริ่ม แนวทางในการแก้ปัญหาซึ่งจะต้องมีหลากหลายและหยิบใช้อย่างถูกต้อง 2.การจัดการ นำเอาความคิดที่ถูกต้อง อาจจะถูกหรือผิดแล้วแต่มาทดลอง แล้วนำมาจัดการไปบรรลุสู่ผลสำเร็จ แก้ปัญหาด้วยกัน

และ 3.การมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะในสังคมของเราเป็นเจ้าของร่วมกัน ดังนั้น ทุกคนจึงจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม ร่วมคิด ร่วมทำ นำไปสู่ความสำเร็จ ในการฟันฝ่าอุปสรรคและวิกฤตของประเทศในครั้งนี้”

ณ ขณะนี้ “หมอมิ้ง” ย้ำว่ากลุ่มแคร์เป็นการเมืองภาคประชาชน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันหาทางออก ยังไม่ใช่พรรคการเมือง เพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐ

แต่แน่นอนว่าการเปิดตัวของ “กลุ่มแคร์” ที่ใช้อาคารสถานที่ในวอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานบัญชาการของเครือข่ายชินวัตร เปิดตัว ย่อมเขย่าสะเทือนไปถึงอาคาร OAI ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพราะ ส.ส.หลายคนตั้งข้อกังขาเรื่องกลุ่มแคร์ ที่จะแตกตัวจากเพื่อไทย มีทั้งคนตำหนิ สนับสนุนปกป้อง

หนึ่งในนั้นเป็นเสียงของ “ไพจิต ศรีวรขาน” ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างการประชุมพรรค เมื่อ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า รุะบุถึงบางคนที่ไปร่วมกลุ่มแคร์ว่า เรายังมีความหวังว่าเพื่อไทยจะกลับมาได้ คนอื่นจะมาอย่างไรก็ไม่มีใครออกจากพรรค อย่าได้สร้างความสับสนให้ประชาชน

“ถ้าอยู่ไม่ได้ ก็ให้แจ้งกัน ก็ไม่ติดใจ แต่มันเสียความรู้สึก เจรจากันเสีย วันนี้อยากเชิญเข้ามาฟังด้วยว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ จะได้ทำใจกัน ถ้าจะอยู่ควรอยู่อย่างไร”

10 มิถุนายน จึงปรากฏภาพ ส.ส.อีสาน เหนือ พร้อมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค และสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะสยบข่าวพรรคแตก-แตกพรรค ว่า ไม่ขัดข้องหากมีคนไปตั้งพรรคใหม่ เพราะเข้าใจว่าติดล็อก กติการัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เพื่อไทยไม่มีให้ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้แตก !

แต่อีกขาหนึ่งที่จะขยับในสัปดาห์นี้คือ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาเพื่อไทย เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางใจของ “ปิติพงศ์ เต็มเจริญ” โฆษกพรรคเสรีรวมไทย ที่เตรียมจะออกมาจากอ้อมอก “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” หัวหน้าพรรค มาเซ้งพรรคการเมืองที่ชื่อว่า “พรรคกลาง” ปั้นพรรคใหม่ ในขั้วฝ่ายค้าน

“พล.ท.ภราดร” พูดแทน “ปิติพงศ์” ว่าหลังจากเปิดตัวจะเรียกประชุมใหญ่กรรมการบริหารพรรค เพื่อนัดประชุมใหญ่พรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรค-ชื่อพรรคใหม่ วาง position เป็นพรรคทางเลือกในฝ่ายประชาธิปไตย จะเปิดเวทีสาธารณะระดมความเห็นจากภาคสังคมเหมือนกลุ่มแคร์ หรือสมาชิกจากกลุ่มแคร์ที่พอคุยกันแล้วอยากจะเข้าร่วมพรรคการเมือง ก็สามารถมาร่วมกับพรรคใหม่นี้ได้

ส่วน “จาตุรนต์ ฉายแสง” ที่ประกาศรวบรวมกำลังพลตั้งพรรคเช่นกันนั้น ยังอยู่ในที่ตั้งรอจังหวะ-ไทม์มิ่งการเมือง ยังปล่อยหมัดเด็ด แต่ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มแคร์เป็นระยะ

ไม่ต่างจาก “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ ที่ ส.ส.ในเพื่อไทย จับตาท่าที “อาเหลิม” ที่คิดจะตั้งพรรคขึ้นมา แนวพรรค “มวลชน” ที่ตนเองเคยเป็นหัวหน้าพรรค ผนึกกับ “เฮียเพ้ง”

แต่เมื่อนายทุนหลักอย่าง “เฮียเพ้ง” เปลี่ยนท่าที ขยับมาร่วมกับกลุ่มแคร์ ทำให้เจ้าพ่อบางบอนต้องอยู่ในโหมด “wait and see”