สุดารัตน์ : ไม่เป็นบันไดให้เผด็จการ โต้เกมข่าวปล่อย-ชกใต้เข็มขัด จากคนริษยา

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ทุกข่าวความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทยที่ปรากฏสู่สาธารณะถูกโยงมาถึงบทบาท-หน้าที่ของผู้หญิงที่ชื่อ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ผู้ได้รับสมญาว่า “เจ้าแม่ กทม.”

การตั้งกลุ่ม “แคร์” ของ 4 ขุนพลไทยรักไทย ข้างกาย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งก็ถูกโยงมาถึงเรื่องราวขัดแย้งกับ “คุณหญิงสุดารัตน์”

ทุกข่าวคราว มี “เจ้าแม่ กทม.” เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องในพรรคเพื่อไทยยุคปัจจุบัน

“คุณหญิงสุดารัตน์” เปิดใจ “ประชาชาติธุรกิจ” เคลียร์ทุกข่าวความขัดแย้งในเพื่อไทย จังหวะก้าวของ “กลุ่มแคร์” ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี การดีลร่วมรัฐบาลแห่งชาติ-นิรโทษกรรม ปรองดอง

รัฐบาลขาลงก๊กการเมืองตั้งพรรค

“คุณหญิงสุดารัตน์” ตอบคำถามแรกที่ว่าอะไรเป็นตัวเร่ง ทำให้ตอนนี้กลุ่มการเมืองสปีดตั้งพรรคกันหนักมาก

1.ที่กลุ่มต่าง ๆ เคลื่อนอาจมองว่ารัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง เกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้น 2.หลายคนมองเห็นแล้วว่าไตรมาสต่อไปอย่างช้า ต.ค.นี้ สภาพเศรษฐกิจไทยจะหนักมาก การแก้ไขโควิดมีทั้งความสำเร็จและความเสียหายคู่กัน รัฐบาลไม่สามารถบาลานซ์ศักยภาพและความสามารถในการควบคุมโรคกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ

“ดังนั้น คนที่อยากตั้งพรรคหรืออยากกลับมาทำงานการเมืองจะเร็วไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เมื่อเขาเห็นสัญญาณแล้วว่ารัฐบาลขาลง เศรษฐกิจไปไม่รอด ขณะที่พรรคพลังประชารัฐมีการแย่งตำแหน่งกันจากเทอมที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี หรือแย่งผู้บริหารกันในพรรค ดังนั้น คนการเมืองที่อยากตั้งพรรคหรือกลับมาเป็น ส.ส.ก็ต้องเตรียมตัวเพราะเขาเห็น sign (สัญญาณ)”

“และคนที่เป็นรัฐบาลก็ต้องเห็น sign เพราะสัปดาห์นี้จะเห็นข่าวรัฐบาลแห่งชาติ เรื่องปรองดอง ซึ่งอยู่กันมา 6 ปี ไม่เคยพูดอาจจะหาวิธีต่ออายุของตัวผู้นำรัฐบาล รัฐบาล หรือกลุ่มของผู้นำรัฐบาลหากลยุทธ์ในการต่ออายุ ในการเผชิญปัญหารัฐบาลขาลง เศรษฐกิจไปไม่ไหว เกิดความแตกแยกในพรรคเขา ก็โยนหินถามทางเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ ทั้งเรื่องปรองดอง แก้รัฐธรรมนูญ ต้องหาตัวเล่นใหม่ ต่อลมหายใจสร้างออกซิเจนให้กับผู้มีอำนาจ รัฐบาลแห่งชาติเป็น optional (ตัวเลือก) ที่พยายามล่อนักการเมืองทุกฝ่ายว่าจะให้มาอยู่ด้วยกัน”

“ตอนนี้ควรจะพูดวาระเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้มาพูดเรื่องวาระปรองดอง ซึ่งควรจะพูดก่อนการเลือกตั้ง จึงมองว่าเป็นจุดขาลงของรัฐบาล ถ้าเอามาต่ออายุรัฐบาลก็เชื่อว่าจะไม่สำเร็จ”

ไม่เป็นบันไดให้ “เผด็จการ”

ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยยืนยันเสียงแข็งว่า เรื่องปรองดอง-นิรโทษกรรม-รัฐบาลแห่งชาติ ไม่มีการประสานมาที่พรรคเพื่อไทย

“และถึงมีการประสานมา เราก็ไม่สามารถที่จะสังฆกรรมเรื่องการร่วมรัฐบาลได้ เพราะเราพูดมาตลอดว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาและรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการสืบทอดอำนาจ มีเสื้อคลุมประชาธิปไตย ที่มีร่างที่แท้จริงเป็นเผด็จการ ดังนั้นภายใต้เงื่อนไขแบบนี้ เพื่อไทยไม่สามารถไปร่วมรัฐบาลได้”

“แต่ถ้าบอกว่าจริงใจจะผลักดันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นสากลร่วมกัน ทำเรื่องการปรองดอง เอาสูตรของคนกลาง ๆ เราก็สนับสนุนเพราะจะเป็นผลดีต่อส่วนรวม แต่การร่วมรัฐบาลเราคงทำด้วยไม่ได้ และไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน”

กับคำถามว่า หัวหน้าพรรคของเพื่อไทยอาจไม่ได้ตัดสินใจคนสุดท้าย อาจดีลผ่านผู้มีบารมีในพรรคคนอื่น ? “คุณหญิงสุดารัตน์” ตอบว่า “ถ้าตัวองค์กรจะดีลผ่านใครก็ต้องมีพูดคุยกัน ส่วนตัวไม่เคยได้ยินคนในพรรคพูดเรื่องนี้ และถ้าโดยส่วนตัวก็ไม่มี และไม่มีวันที่จะไปเป็นบันไดให้เขาเหยียบเพื่อต่ออายุ”

สัมพันธ์ “บิ๊กป้อม” นอกการเมือง

ความสัมพันธ์ระหว่าง “คุณหญิงสุดารัตน์” กับ “พล.อ.ประวิตร” ที่มักมีเสียงเล่าอ้างเรื่องการเปิดดีลทางการเมืองต่อกัน เจ้าแม่ กทม.ตอบสถานะว่า “คนเคยรู้จักกัน”

“เรื่องนี้น่าจะลือกันสักสิบปีได้แล้วตั้งแต่ปฏิวัติ คนอาจเคยรู้จักกัน แต่ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน ถ้าคิดเหมือนกันก็คงไปอยู่กับเขาแล้ว มาวันนี้คนเคยรู้จักกัน ร่วมพรรคเดียวกันด้วยซ้ำ แต่วันนี้ไปอยู่คนละขั้วแล้วกลับมาด่าขั้วตัวเอง แล้วเราต้องด่าเขาเหมือนกัน ถูกไหม… คนเคยรู้จักกันไม่ได้รู้จักกันในสภาวะการเมือง แต่รู้จักกันนอกการเมือง”

พ้อเกมปล่อยข่าว-ชกใต้เข็มขัด

มาถึงข่าวความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย เหตุใดต้นตอความขัดแย้งมักโยนมาที่ “คุณหญิงสุดารัตน์” เสมอ ? เธอตอบว่า ก็ต้องให้สื่อมวลชนควรที่จะฟังจาก ส.ส.เองอย่าให้ใครมาเป็นแหล่งข่าวแล้วอ้างว่า ส.ส.อีสาน ส.ส.เหนือไม่เอา เพราะโดยระบบเราทำงานภายในอย่างดีมาก แต่ก็อาจจะมีบ้างที่มีการแข่งขันกัน แล้วตำแหน่งก็มีตำแหน่งเดียว

“ประเด็นที่มีความไม่พอใจตอบเองไม่ได้ เพราะที่ทำไม่ได้มี agenda กับใคร แต่ถ้าใครไม่พอใจแล้วจำเป็นต้องออกไปตั้งพรรค ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลหลักถึงจะชอบ ไม่ชอบพี่ แต่ถ้าไม่ออกไปตั้งพรรคก็ไม่ได้เป็น ส.ส.”

ดังนั้น การเกิดขึ้นของกลุ่มแคร์ เป็นส่วนหนึ่งความขัดแย้งในพรรคหรือไม่ “เจ้าแม่ กทม.” ไม่ขอตอบแทน ให้ไปถามคนที่แยกไป

“แต่เราเข้าใจทุกคน ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้เราสนับสนุนว่าใครมีศักยภาพและมีโอกาสได้ปาร์ตี้ลิสต์ สนับสนุนให้ไปตั้งพรรค เพราะเพื่อไทยไม่มีทางได้ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่มีโอกาสได้เข้าสภาแน่ให้อยู่กับพรรคเพื่อไทย เพราะ ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทยต้องสอบตก 40 คน ถึงจะได้ปาร์ตี้ลิสต์ คนที่ 1 ตามการเลือกตั้งระบบนี้”

“แต่เรามั่นใจว่าคนที่ไปในอดีตและในอนาคต ถ้าไปจากซีกนี้ก็ยึดฝ่ายประชาธิปไตย ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยแข็งแรง ถ้าเขาไม่ไปไหนเลย ฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะแยะกว่านี้อีก”

แจ้งความหาตัวมือปล่อยข่าว

เช่นเดียวกับเสียงลือว่า แอบนัดเจรจา ส.ส.กทม.ก้าวไกล 10 คน มาอยู่กับเพื่อไทย “คุณหญิงสุดารัตน์” ตอบด้วยคำพูดร้อนแรง “เป็นคนไม่หวังดีที่จะสร้างเรื่องกินแหนงแคลงใจระหว่างพรรคก้าวไกลกับตัวพี่ เป็นเรื่องของคนจริตริษยาเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ 2 พรรคมีปัญหากันเลย”

“ได้แจ้งความสื่อที่ลง มันเป็นความคิดไม่ได้ต้องการที่จะเอาผิดอะไรกับสื่อ แต่ต้องการที่จะเอาตัวแหล่งข่าวที่ทำ เพราะไม่ใช่ความเสียหายของบุคคล แต่เป็นความเสียหายระหว่างพรรค”

“พูดมาตลอดไม่สนับสนุนวิธีการที่บางพรรคทำ ขโมยของเพื่อน เราทำไม่ได้ นักการเมืองต้องมีสัจจะ ความจริงใจ”

ส่วนการเคลื่อนทางการเมืองของฝ่ายค้าน ทับเส้นกันบ่อย ๆ ระหว่างเพื่อไทย-ก้าวไกล นั้นไม่มีปัญหา พรรคการเมืองต้องแข่งขันกับตัวเองและทุกพรรค จะมาฮั้วสมยอมกันไม่ได้”

เหตุใดความแตกแยกของพรรคเพื่อไทยเกิดรูปธรรมเยอะมาก ? คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า มีแค่คนสองคน ทุกที่ทำงานก็มีคนสองคนที่ไม่ถูกกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของคนที่จะมาชกใต้เข็มขัดหรือเปล่า ถ้าตัวเองจะปล่อยข่าวก็ปล่อยได้หมด แต่ไม่เคยทำ หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ

“ก็รู้อยู่ใครเป็นใคร แต่ไม่เห็นต้องตอบโต้ ความจริงก็คือความจริง แค่เอาข้อเท็จจริงมาออก ใครจะทำก็ทำ แต่พี่คิดเป็น ไม่คิดจะไปทำอะไร ทำให้องค์กรเสียเปล่า ๆ”

“วันนี้ระหว่างผู้บริหารที่มีตำแหน่ง ไม่มีปัญหา คุยกับพี่สมพงษ์ (อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค) ทุกวัน แม้ตัวเองไม่ได้เข้าสภาและประชุมวันจันทร์ อังคาร ด้วยกัน ของจริงไม่มีปัญหา เพียงแต่ผู้สื่อข่าวฟังจากแหล่งข่าวแหล่งเดียว ดังนั้น ต้องสัมภาษณ์หัวหน้าพรรค หรือ ส.ส.ที่เขาสามารถให้ชื่อได้”

พร้อมเป็นทางออกให้ประชาชน

ความเคลื่อนไหวนักการเมืองเบอร์ใหญ่ ๆ ออกไปตั้งกลุ่ม ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานของคุณทักษิณ คุณทักษิณมองความอลหม่านเรื่องนี้อย่างไร ?

“ไม่ทราบ เพราะไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ถ้าคุณทักษิณคิดแบบ logic ก็น่าจะคิดในทางที่พูดไป เพราะเป็นประโยชน์ทั้งนั้นอยู่เพื่อไทยไม่ได้เป็น ส.ส.ก็เป็นประโยชน์กับฝั่งประชาธิปไตย แต่ไม่ได้คุยกัน”

เมื่อถามถึงทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า อนาคตข้างหน้ามีข้อดี คือ เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนมาขนาดนี้ กติกาไม่เอื้ออำนวย แต่เรายังยืนอยู่ได้ มีคนที่เป็นเนื้อแท้ยังยอมทำงานให้กันต่อ จะยิ่งเป็นโอกาส รัฐบาลที่ไม่ค่อยมีศักยภาพและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ แม้เราเป็นฝ่ายค้าน แต่เราต้องเป็นพรรคที่บอกทางออก ทางรอดให้กับประชาชนด้วยความคิด นโยบาย สิ่งที่จะทำต่อไป คือ ความเป็นตัวเรา แต่ทำให้ชัดขึ้น

“พอใกล้ถึงเวลาที่จะแคมเปญ จะเมสเสจอะไรกับประชาชน ซึ่งทีมยุทธศาสตร์เตรียมไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลา ก็ต้องไปแสดงบทบาทในสภา”

ถ้า “แคร์” ไม่เป็นพรรค เพื่อไทยจะรู้สึกสบายกว่านี้หรือไม่ ? “คุณหญิง” ตอบปิดท้ายว่า “ไม่… โอเค มีพรรคแคร์ ก็เป็นไปเถอะ”