ปรับหัวการเมือง-4 เหล่าทัพ เปลี่ยน ครม.ค้ำอำนาจ “ประยุทธ์ 2/2”

10 กรกฎาคม 2563 ครบรอบ 1 ปี การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “สมัยที่ 2” รวดเร็ว-ร้อนแรง หลังทุ่มสรรพกำลังต่อสู้กับมหันตภัยโควิด-19

พรรคการเมืองเปลี่ยนหัวหน้า-เลขาธิการพรรค และปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) “เสนอตัว” ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ซีอีโอตึกไทยคู่ฟ้า ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ 2/2 ก่อนก้าวเข้าสู่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ปีที่ 2

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนหลัก 119 เสียง เปลี่ยนหัว-รื้อกลุ่มสมคิด-4 กุมาร “อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เป็นกลุ่มบ้านป่ารอยต่อของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กุมสภาพ-ไร้รอยต่อ

มีอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค-กลุ่มสามมิตร เป็น “ทัพหน้า” กลุ่มประชาธิปัตย์พลัส เป็น “ทัพหลวง” และมุ้งย่อย “ดาวกระจาย” สี่ภาค คุมเสียงข้างมากในรัฐบาล

หลังจากอัปเปหิ “ก๊กสี่กุมารและพวก” ได้สำเร็จ ทั้ง 15 ก๊ก “พักรบ” ตกอยู่ใน “สุญญากาศ” การต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี…แต่รอวันปะทุ

พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หัวแถว-หลังบ้านยังคงหน้าเดิม “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เพิ่มเติมคือ งูเห่า 9 ชีวิต ปาดหน้าเป็นพรรครัฐบาลอันดับสอง

พรรค 61 เสียง ถึงเวลานี้ยังคงรักษา 8 เก้าอี้เสนาบดี “สงวนท่าที” เป็น “เด็กดี” ไม่ต่อรอง-ขอตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่ม “นายกฯหนู” พับแผนใส่ลิ้นชัก

พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรค “หนังเหนียว” แม้ถูกขย่ม-เขย่าจากอดีต ส.ส.-ส.ส.สายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ยังมี “นายหัวชวน” เป็นแบ็กอัพ

7 รัฐมนตรี 8 เก้าอี้ในรัฐบาลพรรคร่วมจะ “ทำงานหนัก” แต่ “ไม่ปัง” คะแนนนิยมเข้ากระเป๋า “ลุงตู่” โหวตเตอร์ยังต้องรอดูผลงาน ครม.พรรคประชาธิปัตย์พิสูจน์ฝีมือ

ยิ่งรัฐธรรมนูญถูกออกแบบมาเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ “อยู่ยาว” ได้ถึง 2 สมัย เพราะมี ส.ว. 250 คน ในมือประชาธิปัตย์ จึงรับสภาพเป็นพรรคร่วมรัฐบาล-ไม่ชูธงแก้รัฐธรรมนูญเพื่อ “กู้วิกฤตศรัทธา” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรตาม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งบริหารงานเข้าสู่ปีที่ 2 ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ยังคงขึงพืดการเมือง การแก้รัฐธรรมนูญยังคงเป็นวาระที่ถูก “แช่แข็ง”

สถานการณ์การนำภายในพรรค-การตามภายในพรรคร่วมรัฐบาลจึงต้องถีบ-ถอย “ไม่เปลี่ยนม้าศึก” กลางกระแสน้ำเชี่ยวกราก และเลือดที่พร้อมจะไหลออกจากเส้นเลือดฝอย

พร้อมกับ “แรงกระเพื่อม” ของพรรค ทั้งจากคนภายในพรรค-คนภายนอกพรรค ที่ต้องการดึง-ดูด ส.ส.นอกอุดมการณ์ บอนไซ-ปิดตำนานพรรค 7 ทศวรรษ

ยิ่งพรรคร่วมรัฐบาล 53 เสียง-หล่นไปเป็น “พรรคอันดับสาม” อำนาจต่อรอง-รั้งเก้าอี้รัฐมนตรีเกรดเอในรัฐบาลอ่อนแรง ยิ่งต้องสงบเสงี่ยม-เจียมตัว ตามสไตล์เพื่อนจุรินทร์-เฉลิมชัย รักษาเนื้อ-รักษาตัวอภิสิทธิ์ไว้ใช้สอยในช่วงที่การเมืองเข้ามุมอับ

ขณะที่พรรคขนาดกลาง-ขนาดเล็ก อย่างพรรค 12 เสียง-ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ของ “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ยังคงเป็นปึกแผ่น-เป็นเอกภาพ ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี 2 เหนียวแน่น

พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ “ช้าแต่ชัวร์” ทันทีที่ “คุณชายเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ลาออกจากหัวหน้า-สมาชิกพรรคแล้ว สบช่อง-เขย่าโผ เสนอชื่อ “อเนก เหล่าธรรมทัศน์”เสียบทันที

ส่วนหัวหน้าพรรคคนใหม่ “สุเทพ” ส่ง “ทนายความคู่บุญ” ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง รักษาการเลขาธิการ-สายตรงลุงกำนัน ขัดตาทัพ-หัวหน้าพรรคเฉพาะกิจ ก่อนที่ประชุมใหญ่สมัชชาของพรรคจะเลือก กก.บห.ชุดถาวร ในกลางปี”64 หรือต้นปี”65

พรรคน้องคนสุดท้อง 3 เสียง-ชาติพัฒนา (ชพ.) ของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาพรรค ที่มี “เทวัญ ลิปตพัลลภ” เป็นหัวหน้าพรรค หวาดเสียว-โอกาสตกจากเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “มากที่สุด”

เนื่องจากพรรคน้องใหม่มาแรง-พลังท้องถิ่นไท ของ “ชัช เตาปูน” นายชัชวาลล์ คงอุดม ต้อนเสียงงูเห่าสีส้มเข้าพรรค-เติมเสียงรัฐบาลจาก 3 เสียง เป็น 5 เสียง เตรียมส่ง “ชื่นชอบ คงอุดม” ลูกชาย ร่วม ครม.ประยุทธ์ 2/2

การปรับขุมกำลังภายในพรรคของแต่ละพรรค จึงส่งผลต่อการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 เป็นการ “ปรับเพื่อไปต่อ” โดยการฟอร์มทีมเศรษฐกิจใหม่-ดึงคนหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพเพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคหลังโควิด-19

โดยเฉพาะ “โควตากลาง” ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ต้อง “วัดใจ” เพราะเป็นเก้าอี้ของสมคิด-สี่กุมาร ทั้งรองนายกรัฐมนตรี-รมว.คลัง-รมว.พลังงาน และ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อาจรวมไปถึงกระทรวงแรงงานของลุงกำนันสุเทพ ที่ต้องฟื้นฟู-ปั๊มหัวใจแรงงานไทยอย่างหนัก

ฟากฝั่งแม่ทัพ-นายกองใน “รัฐราชการ” ที่มีกองทัพ “ค้ำยันอำนาจ” เข้าสู่ฤดูการโยกย้าย-ผลัดใบก่อนเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ 2564 ในเดือนตุลาคม 2563

รวมทั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการระดับปลัดกระทรวง ที่เข้าสู่โหมดเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 อีกนับ 10 ตำแหน่ง

โดยเฉพาะการจัดแถว-ยึดหัวหาด 4 แม่ทัพ กับ 1 บิ๊กสีกากี 1.พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) 2.พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) 3.พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)

4.พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ 5.พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

รวมถึง “พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 63 ท่ามกลางกระแสข่าวลวง-โยนหินถามทางต่ออายุราชการแม่ทัพ-ขุนพลเพื่อเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กรัฐบาลประยุทธ์

ปรับเพื่อไปต่อในปีที่ 2…