คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ เพื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ งบประมาณ 4 พันล้านบาท
วันที่ 8 กันยายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัตติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ พ.ศ…. สาระสำคัญ 1.การออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 166 เรื่องที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (8) ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ประกาศ 3.คุณสมบัติ ผู้ออกเสียงประชามติต้องมีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ทั้งนี้จะนำส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสภาต่อไป
“งบประมาณในการออกเสียงประชามติประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วย จึงต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้ 1,000 ล้านบาท รวมเป็น 4,000 ล้านบาท”
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ..เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกเสียงประชามติ ว่า เราก็ได้เร่งดำเนินการร่าง โดยตนได้ทราบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงวันนี้ หากมีทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญใช้ประมาณ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย ส่วนครั้งที่ 3 ถ้าสภารับรองก็ไม่เป็นไร เท่าที่ทราบจำนวนเงินปกติใช้ 3,000 ล้านบาท
แต่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 จะใช้จำนวน 4,000 ล้านบาท เนื่องจากสถานที่ลงคะแนนต้องกระจายให้น้อยกว่าพันคน เหลือประมาณหกร้อย จำนวนจุดลงคะแนนต้องเพิ่มมากขึ้น ต้นทุนก็เพิ่มมากขึ้นทั้งของ กกต. เอกสาร รวมถึงสภา ดังนั้นตกเฉลี่ยแล้ว ประมาณครั้งละ 4,000 หรือ 5,000 ล้านประมาณนั้น
“ผมไม่ได้ว่า ผมเล่าให้ฟังเฉย อย่าหาว่าผมไม่สนับสนุนก็แล้วกัน ถ้าไม่สนับสนุน ผมก็ไม่ทำกฎหมายประชามติหรอก” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น อันหนึ่งก็ 2,000-3,000 ล้านบาท ก็จะจัดให้ปีนี้อันใดอันหนึ่งก่อน เพราะทำพร้อมกันไม่ได้ ต้องเว้นระยะ 60 วัน มีขั้นตอนดำเนินการหลายอย่าง