“เพื่อไทย” กลับสู่ยุค “ชินวัตร” เขย่าสูตร ฟื้นศรัทธา “แบรนด์ทักษิณ”

ทักษิณ พจมาน

เรียบร้อยโรงเรียน “ทักษิณ-พจมาน” นายใหญ่-หญิงอ้อ ผู้มากบารมีในพรรคเพื่อไทย ภายหลังการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ชุดใหม่ ทันทีที่เขี่ย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พ้นโครงสร้างการบริหารพรรค

เหลือเพียงตำแหน่งประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.-ส.ข.ของพรรคเท่านั้น มิได้กำหนดทิศทางพรรคอีกต่อไป

บนข่าวที่ว่า “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” เข้ามา “นำทัพ” เพื่อไทย ด้วยตัวเอง พร้อมกวักมืออดีตขุนพลสายตรง-สายอ้อม ที่เคยทำงานร่วมกันตั้งแต่ยุคไทยรักไทย ที่กระจัดกระจายหลังการเลือกตั้ง 2562 ให้กลับมาอีกครั้ง

หวังกู้ซากพรรคเพื่อไทยสู้ในสนามเลือกตั้งอีกครั้ง ดังนั้น หลังการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1-2563 ผล ชื่อ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรคตามเดิมไม่พลิกโผ ตอกย้ำเป็นคน “สายตรง”ทักษิณ ชินวัตร

ขณะที่มีรองหัวหน้าพรรคจำนวน 10 คน ซึ่งแบ่งเป็นโควตาภาคต่าง ๆ

โควตากลาง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ชูศักดิ์ ศิรินิล พิชัย นริพทะพันธุ์ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

โควตาอีสาน เกรียง กัลป์ตินันท์ หัวหน้ากลุ่ม ส.ส.อีสานใต้ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม โควตา กทม. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

โควตาภาคเหนือ พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นคนสนิท “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานรัฐสภา

ด้านเลขาธิการพรรค ไม่พลิกโผเช่นกัน เลขาธิการพรรค คือ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา คนสนิทเฮียเพ้ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อีกหนึ่งคนที่เรียกได้ว่าสายตรงทักษิณ ชินวัตร

ส่วนรองเลขาธิการพรรค คลอดออกมา5 คน เป็นคนที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า “รุ่นใหม่ทั้งหมด” อาทิ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” มือทำงานของภูมิธรรม เวชยชัย “จักรพล ตั้งสุทธิธรรม” ส.ส.เชียงใหม่ เคยทำงานให้ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี เขยชินวัตร ตั้งแต่ไทยรักไทย “จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์” ส.ส.มหาสารคาม ลูกชายของ “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” ผู้ที่เคยนั่งเป็นประธาน กมธ.นิรโทษกรรมสุดซอย

และโฆษกพรรค คือ “น.ส.อรุณี กาสยานนท์” อดีตผู้สมัคร ส.ส.รายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ ทำงานอยู่กับกลุ่มแคร์

อย่างไรก็ตาม “สมพงษ์” ประกาศว่า “เราได้เชิญผู้มีความรู้ บุคลากรหลาย ๆ คน เพื่อแนะนำในด้านเศรษฐกิจ แม้มีบุคลากรที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจอยู่ในกรรมการบริหารพรรคอยู่แล้ว แต่เราต้องการความรอบรู้ กว้างขวาง จึงตั้งใจไว้ว่า เมื่อประชุม กก.บห.เสร็จแล้ว จะวางแนวทางของพรรคทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม จะทำให้เรียบร้อย”

“ขอเวลาให้พวกเราทำงาน ภายใน 1 เดือนที่จะปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ในพรรคและจะมีนโยบายที่ชัดเจนออกมา”

ด้าน “ประเสริฐ” เลขาฯพรรคใหม่ถอดด้าม บอกภารกิจ 4 เรื่องที่ตนเองจะต้องรีบทำว่า 1.จะเร่งปรับโครงสร้างภายในพรรคใหม่ ผู้ใหญ่ในพรรคอยากให้ระดมความคิดทุกภาคส่วนและจัดประชุมกรรมการบริหารพรรคภายใน 1-2 สัปดาห์

2.เร่งขับเคลื่อนนโยบายที่ตรงกับความต้องการของประชาชน ซึ่งใช้บุคลากรทั้งภายใน-ภายนอกมาช่วยกัน

3.ยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย 4.สร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค ใช้หลักการกระจายอำนาจ

“จากนี้งานใน-นอกสภา จะทำบทบาทที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด”

หลังการสิ้นสุดอำนาจยุค “เจ้าแม่ กทม.” หลายคนที่หายหน้า-หายตา ไปจากพรรคเพื่อไทย ได้กลับมากันอย่างคับคั่ง อาทิ “นพดล ปัทมะ” อดีต รมว.การต่างประเทศ ที่เคยคิดจะไปอยู่พรรคไทยรักษาชาติ และได้หลบหลังฉากหลังเลือกตั้ง ได้กลับมา พร้อมรอสัญญาณว่าคณะกรรมการบริหารชุดใหม่จะมอบหมายให้ทำหน้าที่อะไรนับจากนี้

แต่คนที่พร้อมเปิดหน้าให้สัมภาษณ์ที่สุดคือ “พิชัย นริพทะพันธุ์” อดีต รมว.พลังงาน ที่ไปอยู่กับพรรคไทยรักษาชาติ บอกว่า “เป็นการกลับบ้านเดิม”

“ผู้ใหญ่ในพรรคได้เชิญให้กลับมาบ้านเก่า การกลับมาครั้งนี้จะมาช่วยงานด้านเศรษฐกิจของพรรค”

หลังจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะประชุม “รื้อโครงสร้าง” บริหารงานภายใน มีแนวโน้มจะตั้งทีมขึ้นมา 1 ทีม ชื่อว่า “คณะผู้บริหาร” ตามส่วนที่ 4 ข้อ 58-61 ตามบังคับพรรคพรรคเพื่อไทย มีหัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค ไม่เกิน 11 คน พร้อมแบ่งทีมทำงานเป็นด้านต่าง ๆ อีกประมาณ 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจด้านงานสภาผู้แทนราษฎร ด้านข่าวกรองและด้านการบริหารพื้นที่

“ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรค ยืนยันว่า คณะกรรมการดังกล่าวไม่ใช่ “โปลิตบูโร” อย่างที่ข่าวลง มีส่วนผสมของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ไม่เกี่ยวกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์

“สุทิน คลังแสง” รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เชื่อว่า การแบ่งการทำงานออกเป็นด้านจะทำให้การทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ ชัดเจนมากขึ้น เพราะการทำงานแบบคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ลอย ๆ ยังไม่ชัดเจน

ส่วนแกนนำพรรคที่เคยทำงานใกล้ชิดนายใหญ่-นายหญิง ไม่ประสงค์ให้โควตชื่อ กล่าวถึงกระแสข่าว “คุณหญิงพจมาน” นำพรรคว่า คุณหญิงพจมานไม่ค่อยสนใจการเมือง จะโลว์โปรไฟล์มาตลอดถ้าพรรคไม่มีปัญหาจริง ๆ

ดังนั้น หลังจากปรับโครงสร้างชุดใหม่จะต้องไม่ใช้ระบบเด็กคนนั้น คนนี้ แต่คนทำงานจริง ๆ ไม่ได้รับการโปรโมต ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรค

การปรับทัพใหม่ ไม่ใช่แค่ลบความขัดแย้ง แต่ฟื้นศรัทธากลับมาอีกครั้ง