“ธนาธร” ทุบบ้านใหญ่ ตระกูลการเมือง เปิดตัว 32 ขุนพลชิง นายกฯ อบจ.

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

คณะก้าวหน้า เปิดตัว 32 ผู้สมัคร นายก อบจ. ปลุกประชาชนเปลี่ยนแปลงท้องถิ่น เชื่อคนเห็นกับตาบ้านใหญ่ครองจังหวัดเป็นสิบปี ไม่มีอะไรเปลี่ยน

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2563 คณะก้าวหน้า นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า แถลงเปิดตัว 32 ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในนามคณะก้าวหน้า โดยกล่าวว่า เหตุที่ต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพราะงบประมาณ อปท. มากถึง 8 แสนล้านบาท งบฯอบจ มีกว่า 8 หมื่นล้านบาท

“นี่คือการเมืองระดับใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด มากกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพราะ ส.ส. ไม่มีอำนาจช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่นอกจากตั้งกระทู้ถามรัฐบาล แต่ อปท.มีอำนาจในการบริหารเงิน 8 แสนล้านบาท อบจ. 8 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม การบริหารงานของ อบจ. กลับเกิดการทุจริต”

แฉ 3 จังหวัดทุจริต เฉี่ยวภูมิใจไทย

จากข้อมูลในเว็บไซต์สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่า อบจ.บึงกาฬ ทีมบริหารถูกกล่าวหาว่าเอางบประมาณไปซื้อ talking pen ปากกาพูดได้ ให้กับโรงเรียนในสังกัด มีการเสนอราคาโดย 3 บริษัท ราคาต่างกันเพียงหลักหมื่น ภายหลังพบว่าทั้ง 3 บริษัทจดทะเบียนโดยคนๆ เดียวกัน

ส่วน อบจ.สมุทรปราการ มีการก่อสร้างสนามกีฬา แล้วนำไปให้การกีฬาจังหวัดเป็นผู้ก่อสร้าง มีการโอนเงินเข้าการกีฬา และโอนให้เจ้าหน้าที่ ทำการก่อสร้างมีการติดขัด ทำให้ผู้รับเหมาฟ้องผู้บริหาร อบจ. ส่วน อบจ.พังงา ลดสัมปทานรังนกให้เอกชน ซึ่งฝ่ายบริหาร อบจ. ลดให้ 192 ล้านบาท กระทั่งกระทรวงมหาดไทยมีการสั่งให้ฟันวินัยหาคนชดใช้เงินที่ อบจ.ต้องเสียไป

ขณะที่ อบจ.บุรีรัมย์ มีคู่สมรสประธานฟุตบอล เอางบเกณฑ์คนไปดูฟุตบอลที่คู่สมรส ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งปี 2562 จนพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาล กรณีนี้ถูกสั่งไม่ฟ้อง มีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดวินัยเล็ก ๆ น้อย ๆ

สะท้อนถึงการไม่ตอบสนอง อบจ.หลายพื้นที่ การเอาภาษีไปเอื้อประโยชนให้กับตัวเองและพวกพ้อง คือสิ่งที่เราอยากเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่คณะก้าวหน้าลงมาตัดสินใจทางการเมือง ทำให้การเมืองท้องถิ่นรับใช้ประชาชน คณะก้าวหน้าลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งท้องถิ่น โดยยึดการทำงานของอนาคตใหม่ (อนค.) เดิม

ยึดอุดมการณ์อนาคตใหม่

การรณรงค์หาเสียงด้วยความคิดไม่ใช่การซื้อเสียง ยืนยันว่าคือจุดเริ่มต้นทุจริตสร้างระบบอุปถัมภ์ แล้วนำไปสู่การถอนทุนคืนเมื่อเข้าสู่อำนาจ เราจะไม่ทำอย่างนั้น เราจะใช้นโยบายแข่ง มาจากอุดมการณ์ อนค. คนเท่าเทียมกันผลักดันให้ประเทศไทยเท่าทันโลก มาเป็นเสาหลักของการเมืองระดับชาติ ซึ่งจะทำให้เป็นจริงได้ต้องผ่านการแก้กฎหมาย การตรากฎหมาย แต่หลังจาก อนค.ถูกยุบ แล้วมาทำการเมืองท้องถิ่น คือการแปลงนโยบายมาเป็นนโยบายที่จับต้องได้ในระดับท้องถิ่น

นายธนาธร กล่าวว่า นโยบายของคณะก้าวหน้าจะผลักดันผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน และเพิ่มประชาธิปไตยเข้าไป ส.ส ได้แค่ตั้งกระทู้ในสภา ไม่มีทั้งอำนาจ ไม่มีทั้งงบประมาณ ข้าราชการมีอำนาจมีงบ แต่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แรงจูงใจช่วยประชาชนต่ำ

ดังนั้น จึงต้องเพิ่มอำนาจให้ประชาชน ด้วยการเปิดข้อมูลภาครัฐ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ถ้าประชาชนมีความรู้ มีข้อมูลมากขึ้นก็สามารถช่วยกำหนดนโยบายมากขึ้น จะทำให้มีประชาธิปไตยมากขึ้น คณะก้าวหน้ามีเจตนาที่ดีมุ่งมั่นไปข้างหน้า

“หลักการทำงานของคณะก้าวหน้าในท้องถิ่น จะยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย และพร้อมร่วมผลักดันสร้างประชาธิปไตย ไม่ซื้อเสียง เอาชนะด้วยนโยบายและการทำงานอย่างจริงจัง ไม่มีประวัติการค้ามนุษย์หรือยาเสพติด ไม่ทุจริต ไม่นำเข้ามามีอำนาจเพื่อตักตวงผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง พร้อมร่วมการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปรัฐราชการ ยุติการรวมศูนย์ที่สวนกลาง” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า วันนี้พวกเราพร้อม และอยากเชิญชวนประชาชนให้สนใจการเมืองท้องถิ่น การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งล่าสุดเมื่อปี 2555 มีผู้ใช้สิทธิเพียง 54% จึงอยากให้กลับมาสนใจการเมืองถิ่น เพราะเป็นเรื่องที่จะได้เลือกผู้บริหารโดยตรง ถ้าไม่สนใจการเมืองท้องถิ่นเท่ากับว่าไม่สนใจภาษีของตัวเอง นี่เป็นเวลาดีที่สุดที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงประเทศไทย คนละไม้คนละมือเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยเริ่มต้นที่บ้านเรา

เปิดชื่อ 32 ผู้สมัคร นายก อบจ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะก้าวหน้าได้เปิดตัวผู้สมัคร นายก อบจ. ทั้งสิ้น 32 จังหวัด ดังนี้ ประกอบด้วย

1.ฉะเชิงเทรา นายยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ 2.พะเยา นายชัยประพันธ์ สิงห์ชัย 3.นครราชสีมา นายสาธิต ปีติวรา 4.นครสวรรค์ นายศรัญ ฤกษ์อัตกร 5.สุรินทร์ นายมานพ แสงดำ 6.นครพนม นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ

7.แพร่ นายสุภวัฒน์ ศุภศิริ 8.ร้อยเอ็ด นายสถาพร ว่องสันธพงษ์  9.สิงห์บุรี นายสุรชัย บุญลือ 10.ลพบุรี นายฤทธิ์ พัวพันธ์

11.สมุทรสงคราม นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย 12.สระบุรี นายวิทูลย์ แก้วสุวรรณ 13.สมุทรสาคร นายอวยชัย จาตุรพันธ์ 14.สุราษฏ์ธานี นายพงษ์ศักดิ์ โพธิครุประเสริฐ

15.อุบลราชธานี นายเชษฐา ไชยสัตย์ 16.หนองคาย นายกฤศภณ หล้าวงศา 17.หนองบัวลำภู นายสมเกียรติ เชษฐสุมน 18.อยุธยา นายวัสพงศ์ วิทูรเมธา 19.อ่างทอง นายโยธิน เปาอินทร์ 20.อุดรธานี นายฐานวัฒน์ ธนาธัญญพิชญ์

21.อุตรดิตถ์ นายปัณณวัฒน์ นาคมูล 22.ราชบุรี นางภรมน นรการกุมพล 23.ตาก นายคริษฐ์ ปานเนียม 24.นครปฐม นายชัชวาล นันทะสาร 25.นนทบุรี นายไพบูลย์ กิจวรวุฒิ 26.ระยอง นางสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ 27.บึงกาฬ นายภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น

28.พิษณุโลก นายณชพล พลอาสา 29.ปราจีนบุรี นางกฤษณ์กมล แพงศรี 30.พังงา นายสุทธิโชค ทองชุมนุม 31.สกลนคร นายณรงค์เดช อุฬารกุล และ 32.มุกดาหาร นายสุพจน์ สุอริยพงษ์

ถึงเวลาปลดแอกบ้านใหญ่

นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าขณะนี้เรารับรองผู้สมัครแล้ว 32 จังหวัด อีก 7 จังหวัด อยู่ระหว่างการพิจารณา ขอใช้โอกาสนี้เชิญคนที่รักประชาธิปไตยให้มาร่วมทางกับพวกเราในจังหวัดที่ยังไม่ได้ประกาศชื่อ ซึ่งท้องถิ่นเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าไม่มีใครกล้าลงมือทำ ส่วนความพร้อมในการส่งผู้สมัครนายก อบจ. สมุทรปราการนั้น เป็นพื้นที่เป้าหมายของเราอยู่แล้ว

“จุดแข็งของคณะก้าวหน้า คิดว่าคนเห็นแล้วว่า ท้องถิ่นโยงบ้านใหญ่ การเมือง ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เอาภาษีประชาชนไปเป็นสมบัติส่วนตัว ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง ยุติการซื้อเสียง ยุติบ้านใหญ่ ยุติผู้มีอิทธิพล การเลือกตั้งการใช้ต้นทุนเปลี่ยนแปลงต่ำที่สุด” นายธนาธร กล่าว

ส่วน นางนันทิดา แก้วบัวสาย รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ลงในนามสมุทรปราการก้าวหน้า จะทำให้เกิดความสับสนกับคณะก้าวหน้าหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า “ไม่หรอกครับ คณะก้าวหน้ามีชื่อเดียว ทั่วประเทศเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม หลายจังหวัดเป็นการเมืองผูกขาด โดยการเมืองบ้านใหญ่ มีสมาชิกครอบครัวหลายคนอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองหลายคน ซึ่งการครอบงำทางการเมืองบ้านใหญ่เหล่านี้ บางพื้นที่ 10 ปี บางพื้นที่ 8 ปี ประชาชนคงเห็นได้ด้วยตัวเองแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ถ้าไม่พอใจ อยากเห็นจังหวัดเปลี่ยนแปลง ถ้าอยากเห็นตำบลของท่านเปลี่ยนแปลง ขอให้กล้าที่จะเปลี่ยนในการเลือกตั้งครั้งนี้

ดักทาง กกต.ต้องทำหน้าที่เป็นกลาง

นายธนาธร กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่น น่าจะอยู่วันที่ 13 ธันวาคม และ 20 ธันวาคม ซึ่งจะมีผลอย่างมากมายมหาศาล เพราะวันที่ 13 ธันวาคมเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่องจากวันหยุด 10 ธันวาคม และวันที่ 13 ธันวาคม ยังตรงกับวันอาทิตย์ ส่วนวันที่ 20 ธันวาคมไม่ได้เป็นวันหยุดยาว และสัปดาห์ถัดไป 27 ธันวาคม ก็เป็นหยุดยาวปีใหม่ หมายความว่า หากจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันที่ 20 ธันวาคม ประชาชนต้องหยุดกว่า 3 ครั้ง อาจทำให้คนมาเลือกตั้งน้อยลง

สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำ คือ ลดภาระการเดินทางของประชาชน 13 ธันวาคม เหมาะสมมากกว่า ส่วนกำหนด 20 ธันวาคม คิดว่าไม่มีใครไป

“เพื่อลดภาระของประชาชน 13 ธันวาคมเหมาะสมกว่า ก้าวหน้าเราพร้อม ถ้าจัด 20 ธันวาคม หมายความว่ารัฐบาลกลัวความพร้อมของก้าวหน้า จึงต้องการให้คนใช้สิทธิ์น้อยๆ” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวถึงความมั่นใจการทำหน้าที่ของ กกต. ว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต. มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ไม่มีองค์กรไหนมีคนรวบรวมชื่อถอดถอนมากกว่า 1 ล้านคนมาก่อน หลังเลือกตั้ง 2562 ดังนั้น การเลือกตั้งท้องถิ่นจะเป็นโอกาสพิสูจน์ตัวเอง หน้าที่คือจัดเลือกตั้งโปร่งใส ง่ายที่สุด ขอให้ยึดมั่นความถูกต้อง บริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้าทำไม่ได้ ประชนชนสงสัย เท่ากับว่ามีส่วนพาสังคมไทยไปสู่ทางตัน เมื่อการใช้สิทธิถูกปิดตาย ทางออกของประเทศก็ปิดตายไปด้วย

นายธนาธร ยังกล่าวถึงการร่วมชุมนุมกับนักศึกษาในวันที่ 14 ตุลาคม ด้วยว่า คณะก้าวหน้าจะไปร่วมชุมนุมอย่างแน่นอน เมื่อ นักศึกษาและประชนชนส่งเสียงความต้องการของเขาแล้ว ไม่มีครั้งไหนที่มีการชุมนุมด้วยข้อเรียกร้องเดียวกันทั่วประเทศอย่างนี้มาก่อน ดังนั้น การตอบคำถามนี้ต้องถามผู้มีอำนาจพร้อมจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ พร้อมที่จะรับผิดกับการกระทำที่ผ่านมา แล้วมาหาทางออกร่วมกันของสังคมร่วมกันหรือไม่ และไม่มีการทาบทามให้ขึ้นเวที