เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ตัวแทนผู้ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชนต่อรัฐสภา โดยมี 5 ความฝัน ดังนี้
ผมมีความฝัน เมื่อนำไปพูดคุยกับเพื่อนฝูง ทีมงาน เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน เราก็ต่างมีความเห็นตรงกัน และเมื่อนำเสนอไปสู่สาธารณะ ก็มีคนที่เห็นด้วยและมาช่วยกันเข้าชื่อถึง 100,732 คน ภายในเวลาเพียง 43 วัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความต้องการของสังคมที่แพร่กระจายไปทั่วในปัจจุบัน
- วิธีลงทะเบียนแอป ทางรัฐ ยืนยันตัวตน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- เปิด 20 อันดับโรงพยาบาลดีที่สุดในไทย ปี 2567
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จุลพันธ์ แจงใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชนได้
ความฝันของเรามีห้าข้อ ดังนี้ครับ
หนึ่ง เราฝันว่า เราได้อยู่ในประเทศที่ประชาชนมีสิทธิในการเลือกผู้ที่จะมาใช้อำนาจปกครอง หรือเลือกนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นการเลือกตั้งผ่านสมาชิกรัฐสภา แต่สมาชิกที่จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นก็ต้องเข้าไปนั่งในสภาได้เพราะประชาชนเลือกมาทุกคน
สอง เราฝันว่า เราได้อยู่ในประเทศที่ผู้ใช้อำนาจรัฐ มีความโปร่งใส สามารถถูกตรวจสอบได้ โดยมีองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบหากมีข้อสงสัยเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นหรือมีการใช้อำนาจโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งที่มาขององค์กรเหล่านั้นจึงต้องเป็นอิสระจากผู้ใช้อำนาจ เป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร เป็นอิสระจากคนที่พวกเขาต้องไปทำหน้าที่ตรวจสอบ
สาม เราฝันว่า เราได้อยู่ในประเทศที่ประชาชนมีอำนาจกำหนดอนาคตของตนเอง อย่างน้อยที่สุดก็ผ่านการเลือกตั้ง ผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งจะต้องแถลงนโยบาย และประชาชนจะช่วยกันเลือกทิศทางของประเทศผ่านการเลือกนโยบายเหล่านั้น ซึ่งจะเลือกใหม่ได้ทุกๆ อย่างน้อย 4 ปี
สี่ เราฝันว่า เราได้อยู่ในประเทศที่ระบบยุติธรรมบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม คนที่กระทำความผิดหรือถูกสงสัยว่ากระทำความผิดต้องถูกดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม และถ้าหากศาลตัดสินเป็นที่สุดว่ามีความผิดก็ได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่มีการยกเว้นให้ใคร ไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหน เป็นใครมาจากไหนก็ตาม
ห้า เราฝันว่า เราได้อยู่ในประเทศที่กติกาสูงสุดของประเทศ ที่ออกแบบการเมืองการปกครองและรับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถูกร่างขึ้นโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ อย่างน้อยที่สุดต้องร่างโดยตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน 100% ในบรรยากาศที่ประชาชนแสดงความคิดเห็นได้ มีส่วนร่วมได้อย่างต็มที่
“ความฝันทั้งหมดนี้เป็นเรื่องยากเกินไปไหมครับ” นายนิ่งชีพกล่าวสรุป และว่า
สิ่งที่พวกเรา คนอย่างน้อยหนึ่งแสนคนอยากจะเห็นในวันนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ พื้นฐานมากๆ ที่ครั้งหนึ่งประเทศไทยก็เคยเป็นเช่นนั้น และในวันนี้แทบทุกประเทศในโลกก็เป็นเช่นนี้ ผมเชื่อว่าทั้งท่านประธานและท่านสมาชิกทุกคนต่างก็ฝันถึงสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างกัน
นี่ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่เป็นเรื่องใหม่ เป็นเรื่องสุดโต่ง หรือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในสังคมบ้านเรา
และยังไม่มีใครที่เคยให้เหตุผลอันเป็นเหตุเป็นผลได้เลยว่า เหตุใดเราจึงต้องการรูปแบบการปกครองที่เป็นอย่างอื่น ที่แตกต่างไปจากความฝันอันธรรมดาเหล่านี้
แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 มีกลไกหลายประการที่ขัดขวางไม่ให้ความฝันเหล่านั้นเป็นจริง เราจึงต้องเสนอยกเลิกบางเรื่อง และแก้ไขบางเรื่อง ดังนี้ครับ
1. เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสได้เลือกผู้มาปกครองตัวเอง จึงเสนอให้ยกเลิกมาตรา 269 และ 272 ที่ให้อำนาจกับกลุ่มคนที่ผู้สมัครเป็นนายกรัฐมนตรีคัดเลือกมาเอง เพื่อให้มามีอำนาจลงมติเลือกคนนั้นกลับเป็นนายกรัฐมนตรี ยกเลิกช่องทาง “นายกฯคนนอก” หรือการเปิดให้กลุ่มคนกลุ่มเดิมลงมติหยิบเอาใครที่ไหนมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ โดยไม่ต้องลงสมัครรรับเลือกตั้ง รวมทั้งแก้ไขมาตรา 252 ที่เปิดโอกาสให้มีผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งด้วย
2. เพื่อให้เรามีองค์กรตรวจสอบการทำงานและการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่มาของกรรมการในองค์กรต่างๆ ทั้ง กกต., ป.ป.ช., กรรมการสิทธิฯ, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ควรต้องได้รับความเห็นชอบจากกลุ่มคนที่ฝ่ายบริหารแต่งตั้งมาเอง อย่าง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ ส.ว. ชุดปัจจุบัน แบบที่เป็นอยู่ในรัฐธรรมนูญนี้ เราจึงเสนอให้ยกเลิกมาตรา 203 ซึ่งว่าด้วยที่มาขององค์กรเหล่านี้ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ให้กรรมการชุดปัจจุบันที่มาจากระบบสรรหาแบบเดิมพ้นจากตำแหน่ง และในโอกาสเฉพาะหน้าให้สรรหาชุดใหม่มาทำหน้าที่ ด้วยกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ 2540
3. เพื่อให้ประชาชนกำหนดอนาคตตัวเองได้ เราต้องยกเลิกแผนยุทธศาตร์ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งชื่ออาจจะฟังดูหรูหรา แต่เบื้องหลังคือเขียนขึ้นโดยคนที่ถูกแต่งตั้งจาก คสช. ทั้งหมด โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานคณะกรรมการเอง ผ่านการพิจารณาและอนุมัติมาโดยคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยการยกเลิกมาตรา 65 แก้ไขมาตรา 142, 162 และยกเลิกหมวดที่ 16 เรื่องการปฏิรูปของ คสช.
- แบนอมรินทร์ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ชาวเน็ต มอง ใส่ร้ายผู้ชุมนุม
-
เยาวชนเสื้อเหลือง ด่า ‘ประยุทธ์-ประวิตร’ หวิดโดนรุมประชาทัณฑ์
4. เพื่อให้ระบบยุติธรรม บังคับใช้กับทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ต้องยกเลิกการเขียนนิรโทษกรรมตัวเองในมาตรา 279 มาตราสุดท้าย ที่ คสช. ใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญว่า การกระทำในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไม่เป็นความผิดทั้งหมด ประกาศและคำสั่งรวมทั้งการปฏิบัติตามประกาศและคำสั่งทั้งหลายก็ได้รับความคุ้มครองตลอดไป
5. เพื่อได้ให้มาจากซึ่งรัฐธรรมนูญจากประชาชน ต้องเริ่มต้นกันใหม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ร่างขึ้นโดยคนที่คณะรัฐประหารแต่งตั้ง ในบรรยากาศที่ทหารมีอำนาจพิเศษจากมาตรา 44 เอาคนไปไว้ในค่ายได้ 7 วัน มีการจับกุมพลเรือนที่วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญและดำเนินคดีที่ศาลทหาร ขณะที่มีคนออกประกาศบังคับสื่อทุกช่อง ถ่ายทอดรายการพิเศษแล้วนั่งพูดคนเดียวผ่านโทรทัศนย์ทุกช่องทุกวันตอนเย็น ทำให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคนที่ร่างขึ้นเพียงฝ่ายเดียว มีปัญหาหมกเม็ด
สำหรับการตีความในอนาคต มีการซ่อนเร้นการสืบทอดอำนาจอยู่ตามกลไกต่างๆ เราจึงต้องเสนอให้มีการแก้ไข “วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” เปิดให้จัดตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ขึ้นมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิก สสร. ทุกคนต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% และเป็นการเลือกตั้งกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญในบรรยากาศที่การเมืองเปิดกว้างไปสู่การสร้างสังคมใหม่ เพื่ออาศัยกระบวนการของ สสร. เปิดให้สังคมนำปัญหาที่มีความขัดแย้งมาถกเถียงกันได้ในทุกประเด็น และออกแบบกติกาใหม่ที่ทั้งสังคมจะยอมรับร่วมกันได้ สำหรับใช้ต่อไปในอนาคตอีกยาวนาน
หลักการเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เรานำมาเสนอต่อสภาในวันนี้จึงเป็นเพียงข้อเสนอธรรมดา เพื่อถามหาสิ่งที่เป็นเรื่องพื้นฐานมากๆ เป็นข้อเรียกร้องที่อยากจะขอแก้ไขระบอบการเมืองการปกครองที่ “ผิดปกติ” อยู่ในปัจจุบัน ให้กลับเป็นปกติเท่านั้น และ เป็นข้อเสนอที่โดยเนื้อหาแล้วไม่สามารถหาข้ออ้างใดมาปฏิเสธได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล
หากรัฐสภาได้ลงมติเพื่อ “รับ” ในหลักการ และนำไปพิจารณาต่อในขั้นตอนต่อไป ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยและต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันเป็นโอกาสที่จะลดความขัดแย้งที่อยู่บนท้องถนน และเปิดพื้นที่ให้เอาเหตุผลมาคุยกันบนกฎกติกา
แต่หากท่านไม่แม้แต่จะรับไว้พิจารณา ท่านก็มีภาระหน้าที่ต้องอธิบายต่อประชาชนอย่างน้อยหนึ่งแสนคนที่เข้าชื่อกันเสนอมา และเจ้าของอำนาจอีกหลายล้านคนที่กำลังติดตาม ซึ่งต่างก็กำลังรอฟังเหตุผลอยู่เช่นเดียวกัน
และรับทุกร่างคือทางออก