เบื้องลึก “เพื่อไทย” หลอนคดียุบพรรค ชักออก รายชื่อถอดถอน “สิระ”

ปมอุบัติเหตุยื่นถอดถอน “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ “ตีตก” เพราะดันมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คน

คือ นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร และนางอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ดันไปถอนชื่อจากการยื่นคำร้อง ว่า นายสิระเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทำให้จำนวนชื่อไม่ถึง 1 ใน 10 หรือ 50 คน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

เป็นเหตุให้ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เตรียมรวบรวมรายชื่อ ส.ส. เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยถอดถอน นายสิระ ใหม่อีกครั้ง

แต่ก็ตั้งข้อสังเกตแรง ๆ มาถึงเพื่อไทย ว่า “การถอนชื่อนั้นผมไม่ทราบว่าสาเหตุคืออะไร ผมขอสมมติว่าอาจมีการให้ผลตอบแทน หรือการข่มขู่เกิดขึ้นก็ได้ และยอมรับว่าเป็นเอกสิทธิ์แต่ผมจะทำหนังสือถึงนายชวน เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง”

พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง ยืนยันว่าจะมีการรวบรวมรายชื่อใหม่ให้พรรคเสรีรวมไทยไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง

ขณะเดียวกันมีการเปิดการสอบสวน พบว่ามี “หนอนบ่อนไส้” เป็น ส.ส. 1 คน โน้มน้าวให้ ส.ส.ถอนชื่อ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรค ระบุผ่านแถลงการณ์ของพรรคเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564

ส่วน ส.ส.จอมบงการคือใคร ถือเป็นความลับขั้นสุดยอด! ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

เพียงแต่ว่า การถอนชื่อของ ส.ส.เพื่อไทย มิได้มีแค่ 2 รายชื่อ แต่มีถึง 12 คน ที่ทยอยถอนชื่อออก จากทั้งหมด 24 คน ที่ร่วมลงชื่อ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาสมาชิกภาพของ นายสิระ

อาจเป็นเพราะความบังเอิญหรือตั้งใจไม่มีใครทราบที่ “นางอนุรักษ์” และ “นางอาภรณ์” เป็น 2 คนสุดท้ายที่ถอนชื่อแล้วทำให้ชื่อไม่ครบ

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ส.ส.ทุกคนในพรรคเพื่อไทย เกิดอาการ “สยอง” เมื่อต้องยุ่งเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมี “ประสบการณ์ไม่ดี” มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทย

คดียุบพรรคพลังประชาชน จากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ตัดสิทธิเหมาเข่ง

คดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเพิ่มเติมกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ถูกศาลรัฐธรรมนูญเบรกไว้ โดยแนะนำว่าควรที่จะให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติก่อนว่า สมควรจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

คดีแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา  ที่การดำเนินการพิจารณาและลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มีการเสียบบัตรแทนกัน และสลับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 1 ซึ่งพรรคเพื่อไทยมองในกรณีหลังว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องสารบัญทางธุรการ

คดีถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้พ้นตำแหน่งนายกฯ รักษาการ จากการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากเลขาธิการสภาความมั่นคง (สมช.)

และล่าสุดกรณีที่ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” ตั้งแท่นสอบกรณี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ – อัดคลิป เป็นโปรโมเตอร์สนับสนุนผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ในศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อปลายปี 2563 ว่า “ทักษิณ” ที่ไม่ได้เป็นแม้แต่ “สมาชิกพรรค” ครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากผิดจริงโทษอาจถึงยุบพรค

ทำให้มี กรรมการบริหารพรรค บางรายหวั่นวิตกกระแสยุบพรรค ตัดสินใจสวนอำนาจ “ทักษิณ” ทำหนังสือ “แย้ง – ทักท้วง” ว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว โดยประสานเลขาธิการพรรค กับ หัวหน้าพรรคไว้ แต่เอกสารดังกล่าวยังถูกเก็บเข้าลิ้นชักผู้มีอำนาจในพรรค เก็บไว้ใช้ยามกรณีฉุกเฉิน จวนตัว

“ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งเสียงที่กล่าวว่า ส.ส.รู้สึกกังวลพอสมควรกับการจะถูกฟ้อง เพราะที่ผ่านมาการฟ้องร้องในหลายเรื่องที่ไม่น่าเป็นเรื่อง ก็เป็นเรื่องขึ้นมา ทำให้ผู้ที่ลงชื่อไปโดยที่ยังไม่ได้ดูข้อกฎหมาย ตัดสินใจไปถอนชื่อออกมา

ขนาด “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ คนเคยรักในพรรคเพื่อไทย ที่สลับข้างมาอยู่ข้างผู้มีอำนาจรัฐบาล สวมบทประธานวิปรัฐบาล ยังเคยเอ่ยความในใจในฐานะเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อนว่า

“ไม่เคยมาเป็นพวกผมไม่รู้หรอก ตอนสมัยอยู่พรรคเพื่อไทย เซ็นต์แก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการกระทำล้มล้างระบอบประชาธิปไตยรู้สึกอย่างไร”

เมื่อยิ่งกรณีล่าชื่อถอน “สิระ” ออกจาก ส.ส. ไม่ได้เป็น “มติพรรค” รองรับมาก่อน ประกอบกับ เรื่องสยอง สองบรรทัดของพรรคเพื่อไทย ในศาลรัฐธรรมนูญ

ทันทีที่มี ส.ส.บงการ ข่มขู่ว่ามีสิทธิถูกเช็คบิลย้อนหลังลอยตามลม ก็ทำให้ลูกพรรคเพื่อไทยขวัญผวา ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ เฮโลกันถอนชื่อ