เพื่อไทย ดิสรัปต์ตัวเอง กลุ่มแคร์-ครอบครัว “ชินวัตร” ยืนหนึ่ง

พรรคเพื่อไทย เปิดตัวโครงการ The Change Maker รับสมัครคนรุ่นใหม่ 100 คน ทำโปรเจกต์ทดลองนโยบาย ลงพื้นที่ร่วมกับ ส.ส. คิดค้นนโยบายต้นแบบ

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่พรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเปิดตัวโครงการ  The Change Maker โดย คิดเพื่อไทย เพื่อไทย เปิดตัว ภายใต้ธีมงานผนึกกำลังผู้มากประสบการณ์และคนรุ่นใหม่  ร่วมหาทางออก  สร้างความหวังให้คนไทยผ่านแพลตฟอร์มทางการเมืองครั้งแรกของประเทศ

ทั้งนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพรรค รัฐธรรมนูญบีบคั้นพรรคให้เป็นฝ่ายค้านในสภาฯ แต่พรรคไม่เคยละทิ้งจุดยืนในการดูแลพี่น้องประชาชน

“เราได้เปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยคณะกรรมการชุดนี้เราได้รวบรวมคนรุ่นเก่า และใหม่เข้ามาทำงานร่วมกัน โครงการ The Change Maker เป็นอีกก้าวหนึ่งที่พรรคจะ Disrupt ตัวเอง เชื่อว่าโครงการนี้จะได้บุคคล และนโยบายใหม่ๆ มาพัฒนาประเทศ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น” นายประเสริฐ กล่าว

ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ขณะนี้เราเผชิญมหาวิกฤติ ครั้งที่ใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ ไม่เฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมือง แต่ยังมีวิกฤตการระบาดของไวรัส ซึ่งรวมกันเราเจอถึง 5 วิกฤติด้วยกัน คือ

1.วิกฤติการเมือง ทุกครั้งในอดีตเรารู้ว่าเมื่อเกิดอย่างนี้จะมีรัฐประหารและทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมประเทศชาติเดินต่อไปได้ มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยังพอมีช่องทางออกได้บ้าง ทำให้ประชาชนรู้ว่าจะฝากความหวังได้อย่างไร แต่การเมืองที่อยู่อย่างนี้มา 7 ปีเต็มๆ ทำให้เหมือนเราย้อนไปยุครัฐบาลของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีรัฐธรรมนูญฉบับครึ่งใบ ก็ยังรู้สึกว่าประเทศชาติไม่ได้หนักหนาขนาดนี้ เพราะผู้นำในการบริหารประเทศยังพอมีความสามารถ ยังฟังคนอื่นบ้างคิดเป็นระบบบ้าง แต่การเมืองวันนี้เป็นการเมืองที่ไม่สามารถทำให้คนไทยมีความหวังได้เลย 

2.ปัญหาเศรษฐกิจ ครั้งนี้เป็นวิกฤติที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา อย่างเมื่อปี 2540 เป็นการ สิ้นสลายของสถาบันการเงินเป็นการพังพินาศของส่วนบนของพีระมิดมีเศรษฐกิจไทย แต่ครั้งนี้เป็นการพังพินาศทั้งระบบ วันนี้เราเห็นเงินกองคลังร่อยหรอมากขึ้นเรื่อยๆ หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเกือบชนเพดาน กิจการต่างๆ ปิด หลายๆกิจการมีประวัติยาวนานเป็น 100 ปีในวันนี้ก็ต้องปิดกิจการลง ไม่ทีการลงทุนใหม่ นี้คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของไทย

3.ด้านสังคม เราสามารถเห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้มากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ประเทศไทยไม่พร้อมที่จะเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเรารู้ว่าผลการเปรียบเทียบออกมาแล้วเราจะสู้ไม่ได้

4.วิกฤตโรคระบาดเป็นวิกฤติทั้งโลก แต่วิกฤตินี้นำพามาซึ่งความเสื่อมสลายของเศรษฐกิจและการเมืองไทยในช่วงเวลาสั้นๆ และไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ เมื่อปี 1918 ไข้หวัดสเปนระบาดอยู่ประมาณ 2 ปี แต่ปัจจุบันไม่มีใครบอกได้ว่าโควิด-19 จะระบาดถึงเมื่อไหร่ วัคซีนจะช่วยได้แค่ไหนและการควบคุมต่างๆ จะเป็นอย่างไร การแพร่ระบาดครั้งนี้กระทบกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เพราะมีผลกระทบเฉพาะประเทศที่เข้าร่วมสงคราม แต่วันนี้ยังมีคนหลายพันล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถ้าโรคระบาดยังยืนยาวต่อเนื่อง ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร

5. วิกฤต disrupt ของเทคโนโลยี คนที่รับผิดชอบวันนี้ได้ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้หรือไม่ เราเห็นว่าแค่ประเด็นเกี่ยวกับการรับมือของโควิด-19 ก็ยังรับมือกันแบบวันนี้คิดอย่างพรุ่งนี้คิดอย่าง  

ด้าน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกฯ ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่าโครงการ The Change Maker ว่า เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยต้องดิสรัปตัวเอง เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมกันคิด ร่วมกันฝ่าวิกฤติของประเทศทีมีอยู่ ณ ขณะนี้  ตนแบ่งเป็นเคล็ดลับเป็น 3 ชุด คือ คน-คิด-เคลื่อน โดย คน ต้องเป็นคนที่มีมีความมุ่งมั่น เราต้องเชิญชวนเอาคนเหล่านี้เข้ามาช่วยกันคิด ส่วน คิด ต้องเป็นการการระดมสมอง เรามี ส.ส. เรามีผู้แทนที่ใกลชิดกับประชาชน เรารู้ว่าประชาชนมีปัญหาหรือความทุกข์อะไร เมื่อเรารู้เหตุแห่งปัญหา เราก็หาทางแก้ 

ที่ผ่านมาเราจึงนำประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลง และฝ่าวิกฤติให้กับประเทศได้เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ เช่นต้มยำกุ้งโรคระบาด ฯลฯ และ เคลื่อน คือการปฏิบัติ ที่ผ่านมาเราคลองใจประชาชนได้ เพราะเราเป็นนักปฏิบัติ เราทำมากกว่าพูด

สำหรับเคล็ดลับการบริหาร ตนขอแบ่งเป็น 3 ตัว คือ ICE โดย I (Inclusive) คือ ระดมความเป็นเจ้าของและการมีส่วนร่วม ส่วน C (Collaborative) คือความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ประสานประโยชน์อย่างเหมาะสม และ E (Empower) ทำให้ประชาชนมีอำนาจ มีสิทธิ์ มีศักดิ์ศรี ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการ OTOP และการปรับทัศนคติว่าข้าราชการไม่ใช่นายแต่เป็น ผู้ให้บริการ  มีความพยายามเปลี่ยนแปลงหลักการของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ก็ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ เพราะเรามอบอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งประชาชนได้กอดรัดเอาไว้ 

เคล็ดลับต่อมา คือ 3C ซึ่งเป็นพลังแห่งความสร้างสรรค์ โดย C ตัวแรกคือ Creative คือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่ พลังสร้างสรรค์สูงกว่า ผู้ใหญ่ต้องรับฟังและเลือกเป็น , Communication เลือกสาระ เข้าใจเจตนาร่วม จึงจะบริหารประเทศ สำเร็จ และ Contest การแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้เกิดพลังที่สร้างสรรค์และท้าทาย

นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการคิดเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการ The Change Maker เป็นรูปแบบโครงการที่มีนวัตกรรมทางการเมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการเรียนรู้ผ่าน การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ที่จะใช้วิธีการที่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการ มาร่วมคิดร่วมทำร่วมลงพื้นที่จริงกับส.ส.ในพื้นที่ จะมีการสร้างสรรค์นโยบายและผลงานให้เป็นรูปธรรม เข้าไปรับฟังปัญหาจากประชาชน จนไปถึงการสร้างต้นแบบของโยบาย เพื่อที่จะได้นำนโยบายเหล่านี้ปรับใช่และต่อยอดเกิดเป็นนโยบายที่ใช้ได้จริงในอนาคต

“จึงต้องมีการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 100 คน โดยผู้ที่สนใจสามารถ ส่งคลิปวิดีโอความยาวไม่เกิน 3 นาที โดยระบุบปัญหาของประเทศและแนวทางการแก้ไขในมุมมองของตัวเอง โดยผู้ที่ได้รับการเข้าร่วมโครงการจะได้มาเข้าร่วมกระบวนการออกแบบนโยบายสร้างสรรค์ โดยเราจะร่วมกันตั้งนโยบายเหล่านี้ให้มาเป็นโปรเจ็กต์ทดลอง พรรคจะได้นำนโยบายเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาระดับประเทศอย่างเเท้จริงในอนาคต”

นายคณาพจน์ กล่าวว่า คนที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ จะสร้างพื้นที่ที่ให้มีการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงความรู้ความคิดและประสบการณ์ อย่างใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย คิดเพื่อไทย talent bank คือ รูปแบบที่ ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนหรือเป็นบุคคลภายนอกที่อยากจะเข้าร่วมกับการทำงานของพรรค รูปแบบนี้เป็นการที่ทุกท่านจะสามารถเรียนรู้ผ่านคอร์สออนไลน์ และกิจกรรมอื่นๆ ที่ทางพรรคจัดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้  รายละเอียดการรับสมัครและความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม เพียงพิมพ์คำว่า thinkpheuthai ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 กุมภาพันธ์นี้ ถึงเวลาแล้วที่เราคิดได้สร้างได้ด้วยมือของเรา