ประยุทธ์ ตั้ง 4 ทีม ประกบเอกชน ฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส เดดไลน์สิ้นปี64

โควิด-19 วัคซีน

ประยุทธ์ ยื้อ เอกชน จัดหาวัคซีนเอง – รับ 3 ข้อเสนอ สภาหอฯ จัดหาวัคซีนครบ 100 ล้านโดส-ฉีดให้คนไทย 70 % ภายในสิ้นปี 64 – เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน 1 แสนราย ใน 99 วัน – ปลดล็อกกฎระเบียบ ดึงนักลงทุนไทย-เทศ

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าการค้าไทยและประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายกลินท์ สารสิน ประธานอาวุโส นางกอบกาจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการ นายกฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการ และนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมร่วมกับคณะกรรมการหอการค้าไทยเพื่อหารือและนำเสนอแนวทางการทำงานของหอการค้าไทยในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นประธาน

•หอการค้า รายงาน นายกฯ 2,629 บริษัท จองซื้อวัคซีนเฉียดล้านโดส
•ครม. อนุมัติ 321 ล้านบาท ซื้อวัคซีน ซิโนแวก 5 แสนโดส 

นายอนุชากล่าวว่า การมีส่วนร่วมระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐเรื่องการบริการวัคซีนให้กับประชาชน ภายหลังแผนการนำเข้าวัคซีนและการกระจายเพื่อฉีดให้กับประชาชนได้ครบ 100 ล้านโดส หรือ 50 ล้านคนภายในปี 2564 รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยเบื้องต้น อาทิ การแก้กฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ (Ease of doing business) 

ประยุทธ์ รับ 3 ข้อเสนอ 

นายสนั่นกล่าวว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้โอกาสหอการค้าไทยได้เข้ามาพบเพื่อหารือช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยได้อย่างไรบ้าง หอการค้ามีแนวทางสนับสนุนการทำงานและขอความร่วมมือจากภาครัฐ คือ แนวทาง Connect the dots เพื่อเชื่อมโยงจุดต่าง ๆ เพื่อทำงานด้วยกัน ทั้งซีอีโอบริษัทเอกชน ภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้แก่ หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย

นายสนั่นกล่าวว่า 99 วันแรกหลังจากที่ตนได้รับตำแหน่งเป็นประธานหอการค้าคนที่ 25 ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 มี 3 เรื่องใหญ่ที่ต้องทำ เรื่องแรก ทำอย่างไรให้ช่วยกันจัดหาวัคซีนให้ได้มากที่สุดและกระจายและฉีดวัคซีนให้กับคนไทยได้ทั่วถึงและมากที่สุด ซึ่งนายกฯและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขยืนยันว่าภาครัฐทำงานอย่างเต็มที่และมีการวางแผนและเตรียมการเพื่อจัดหาวัคซีนและฉีดให้กับคนไทย 70 % ภายในปีนี้

นายสนั่นกล่าวว่า เรื่องที่สอง การเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีข้อสรุปว่า เอกชนและสถาบันการเงิน ผู้ค้า จะจัดระบบเชื่อมโยงทำให้การกู้และปล่อยสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ให้ได้ผลเต็มที่ เริ่มจากคลัสเตอร์กลุ่มค้าปลีก และขยายไปถึงกลุ่มอื่น เช่น ชิ้นส่วนประกอบยานยนต์และไฟฟ้า การจัดซื้อจัดจ้างของเอสเอ็มอีกับภาครัฐ ซึ่งรัฐยินดีให้เงินกู้กับเอสเอ็มอีและผลักดันให้เข้าถึงเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิผล

นายสนั่นกล่าวว่า และเรื่องที่สาม การอำนวยความสะดวกนักลงทุนไทยและการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งรัดเพื่อแก้กฎระเบียบ หรือ กฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนให้ได้ยิ่งเร็วยิ่งดี

ตั้ง 4 ทีมประกอบภารกิจฉีดวัคซัน 100 ล้านโดส 

นายสนั่นกล่าวว่า สำหรับวิธีการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง พล.อ.ประยุทธ์กรุณาให้ตั้งทีมงาน จำนวน 4 ทีม เพื่อร่วมมือกับสภาหอการค้าไทยซึ่งได้จัดทีมงาน 4 คณะไว้แล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ 1.ทีมสนับสนุนเรื่องสถานที่ในการฉีดวัคซีน เนื่องจากภาครัฐมีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ประมาณ 1,050,000 คน

โดยรัฐจะได้รับความร่วมมือจากเอกชนจากจำนวนที่รัฐบาลจะสามารถรับได้ประมาณ 30,000 คน โดยเอกชนจะจัดสถานที่ บุคลากรและอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ประมาณ 2 หมื่นกว่าคนต่อเดือน โดยทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งจะใช้รูปแบบเดียวกัน

2.ทีมสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การจัดคิวประชานที่จะรับการฉีดล่วงหน้า การออกใบนัดและใบรับรอง 

3.ทีมสื่อสาร ทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจถึงชนิดของวัคซีนและความปลอดภัย และประโยชน์ของการฉีดหรือไม่ฉีดแตกต่างกันอย่างไร โดยทั้งสามทีมจะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน

“สำหรับทีมที่ 4.การจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ท่านนายกและท่านรองนายกฯ อนุทิน ได้กล่าวถึงว่า รัฐบาลเองมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเต็มที่อยู่แล้ว เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่รัฐบาลรับผิดชอบ และยืนยันว่าภายในปีนี้ จะจัดหาวัคซีนได้จำนวนเพียงพอที่จะฉีดให้ประชาชน 70 % หรือ 100 ล้านโดสอย่างแน่นอน ซึ่งรายละเอียดจะประกาศให้ประชาชนได้ทราบความชัดเจนเป็นระยะ ซึ่งเราทุกคนก็มีความสบายใจและภาคเอกชนยินดีสนับสนุนการทำงานกับภาครัฐอย่างเต็มที่”

ตั้งเป้า 99 วัน 1 แสนเอสเอ็มอีเข้าถึงเงินทุน 

นายกลินท์กล่าวว่า จากได้หารือมีความมั่นใจในการจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาลจะเข้ามาภายในสิ้นปี 100 ล้านโดส โดยการจัดซื้อเป็นของรัฐ โดยให้เอกชนเป็นผู้ฉีดวัคซีน โดยการจัดสถานที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกระจายวัคซีนในต่างจังหวัด โดยจะวางแผนระหว่างรัฐกับเอกชนเพื่อทำงานร่วมกันและสื่อสารระหว่างกันให้ชัดเจนในเรื่องแผนการฉีดวัคซีน เช่น วันเวลา และสถานที่ โดยใช้ระบบไอทีเข้ามาช่วย ซึ่งเรามั่นใจว่า ทุกคนจะปลอดภัยเพราะได้วางแผนไว้ล่วงหน้า

นางกอบกาญจน์กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนของสมาคมค้าปลีกได้เริ่มต้นขึ้นโดยการทำ Sandbox ขึ้นมา โดยมีข้อมูลของลูกค้าประมาณ 6,000 ราย ให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาคาดว่า 3,000 รายจะได้รับการอนุมัติภายในสัปดาห์นี้ และอีก 1,000 รายในสัปดาห์หน้า เมื่อ Sandbox นี้สำเร็จก็จะกระจายไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ และธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด ซึ่งการทำ Sandbox ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า 70 % เป็นเอสเอ็มอีที่ไม่เคยเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเราตั้งเป้าหมายว่า  99 วันแรกให้ได้ 100,000 ราย 

เกณฑ์ 200 ค้าปลีก ระดมฉีดวัคซีน

นายกฤษณะ กล่าวว่า ภายในปี 2564 จะมีวัคซีนเข้ามา 100 ล้านโดส จึงมีความจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีน ให้กับประชาชนและให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้เร็วที่สุด โดยภาคเอกชนได้ประสานไปยังศูนย์การค้าและสำนักงานใหญ่ของบริษัทหลายแห่งที่มีพื้นที่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้เสนอตัวมาแล้ว 66 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร และได้ลงพื้นที่และคัดเลือกได้ 14 แห่ง ซึ่งจะช่วยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้วันละ 20,000 คน และยังสามารถเพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 30,000 คน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้เร็วที่สุดภายในปี 2564 ขณะเดียวกันยังมีห้างค้าปลีกจำนวน 200 กว่าแห่งทั่วประเทศที่พร้อมจะเข้าร่วมโครงการนี้ โดยจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศ