คุณหญิงสุดารัตน์ แนนำรัฐบาลตัดงบ ปี65 ที่ไม่จำเป็นออก-เงินกู้ใหม่ ต้องไม่เป็นการตีเช็คเปล่า-ใช้เงินกู้อย่างโปร่งใส ก่อนกู้เงินแบบลับ ๆ
วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแนะนำรัฐบาล ถึง 3 สิ่งที่ควรทำก่อนจะกู้เงินแบบลับ ๆ ว่า ที่ทำเอกสารแค่ 4 แผ่น ในการอนุมัติสร้างหนี้ให้คนไทยเพิ่มอีก 700,000 ล้านบาท ก่อนอื่นดิฉันต้องบอกว่า ดิฉันเห็นด้วยกับการที่เราต้องอัดเม็ดเงินเพิ่ม เพื่อเยียวยาประชาชน และธุรกิจที่เดือดร้อน และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังสาหัส
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
และสำคัญที่สุด คือการหยุดยั้งการระบาดโควิดอย่างถาวร ด้วยการทุ่มงบประมาณจัดซื้อ “วัคซีน” ที่มีคุณภาพดีให้เพียงพอที่จะฉีดให้กับประชาชนทั้งประเทศได้อย่างรวดเร็ว เพราะจะเป็นการหยุดยั้งวิกฤติเศรษฐกิจได้เร็วที่สุดอีกด้วย ดังนั้นก่อนที่รัฐบาลจะ กู้เงินเพิ่มดิฉันเห็นว่ารัฐบาลควรจะดำเนินการดังต่อไปนี้ก่อนคือ
1. ตัดงบปี 2565 ที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน ที่ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน และสร้างรายได้ให้คนไทยออกไปทั้งหมดก่อนเช่นงบกระทรวงกลาโหมที่มีสูงถึง 203,282 ล้าน เพราะขณะนี้ศัตรูของคนไทย คือ เชื้อโรคตัวเล็ก ๆ ที่ใช้อาวุธสงครามไปเข่นฆ่าไม่ได้ ดิฉันเห็นว่างบประมาณในปี 2565 ยังสามารถตัดมาเพื่อทุ่มซื้อ ”วัคซีน” คุณภาพดี และใช้ในการเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อีกอย่างน้อย 15% หรือเกือบ 500,000 ล้านบาท
2. เงินกู้ใหม่ ต้องไม่เป็นการตี “เช็คเปล่า” เหมือนเงินกู้ 1 ล้านล้านรอบที่แล้ว ที่รัฐบาลนำไปใช้อย่างไร้ประสิทธิภาพ ประชาชน และธุรกิจที่เดือดร้อนไม่ได้รับการช่วยเหลือ และมีข้อกังขาเรื่องความโปร่งใสมากมาย
ดังนั้นก่อนสภาจะอนุมัติเงินกู้ใหม่นี้ รัฐบาลต้องชี้แจงรายละเอียดให้ประชาชนได้ทราบให้ชัดเจนก่อนว่า จะใช้เงินกู้ของประชาชน ไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนบ้าง ทั้งกรอบเงินกู้เยียวยาประชาชน อีก 400,000 ล้าน และ ฟื้นฟูเศรษฐกิจอีก 270,000 ล้านต้องเป็นโครงการที่ลงไปถึงประชาชน และผู้ประกอบการที่เดือดร้อนได้อย่างแท้จริง ทั่วถึง เป็นธรรม และตรงเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
รวมทั้งกรอบเงินกู้เพื่อแผนงานด้านสาธารณสุขอีก 30,000 ล้าน ต้องลงไปพัฒนาศักยภาพของระบบสาธารณสุข เพื่อรองรับการระบาดของโควิดรอบใหม่ได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อวัคซีนคุณภาพดีอย่างรวดเร็ว
3. ต้องใช้เงินกู้ของประชาชนทุกบาทอย่างโปร่งใส ซึ่งแม้จะคาดหวังได้ยากจากรัฐบาลนี้ เพราะแค่ขั้นตอนแรกในการอนุมัติงบนี้ก็แอบทำอย่างลับที่สุดแล้ว โดยรัฐบาลต้องคำนึงอยู่เสมอว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่รัฐบาลกู้มา คือภาระของลูกหลานไทยที่ต้องใช้หนี้กันอย่างยาวนาน
