พรรครัฐบาล แบ่งงบ 65 ถ้วนหน้า กดปุ่ม 3.1 ล้านล้าน พร้อมยุบสภา

รายงานพิเศษ

ควันหลงจากการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 หลังจากถลกหนัง-ชำแหละ เม็ดเงิน กว่า 3.1 ล้านล้านบาท 3 วัน 3 คืน

การพิจารณางบฯปี’65 วาระแรกเป็นเพียง “หนังตัวอย่าง” ต้องปูเสื่อติดตามจนถึง “ฉากจบ” ในวาระที่ 2-3 ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ตามเหตุการณ์ฉากหน้า-ฉากหลัง มนุษย์การเมืองในสภาเริ่มประเมินสถานการณ์แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจทิ้งไพ่ตาย “ยุบสภา” หลังจากงบประมาณ 65 ทั้ง 3.1 ล้านล้านบาทบังคับใช้เป็นกฎหมาย

“บิ๊กตู่” กำเช็คเปล่า 8.9 หมื่นล้าน

เบื้องหลังความดุ-เดือด-เผ็ด-ร้อนของการอภิปรายงบฯปี’65 คือ “แบ่งเค้ก” เสบียง เพื่อเป็นกระสุน-งบฯหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าปี’66

โควตาตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ “ผู้นำทำเนียบรัฐบาล” มี “เช็คเปล่า” งบฯกลาง 571,047 ล้านบาท เฉพาะในส่วน “เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น” จำนวน 89,000 ล้านบาท

งบฯกลาโหม-กองทัพกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” เพราะถูกนำไป “เปรียบเทียบ” กับ “งบฯสาธารณสุข” มีงบประมาณทั้งหมด-ทั้งสิ้นจำนวน 203,281 ล้านบาท

พลังงาน-กระทรวงขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ที่มี “เฮียพงษ์” สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงานเป็นเจ้ากระทรวง แม้มีงบประมาณไม่มาก 2,717 ล้านบาท แต่ก็ “เพิ่มขึ้น” จากปี’64 ที่เคยได้ 2,279 ล้านบาท ในฐานะที่คุมทรัพยากรที่เป็น “ขุมทรัพย์มหาศาล”

กระทรวงการต่างประเทศ ที่มี “ท่านทูตดอน” รองนายกฯ ดอน ปรมัตถ์วินัย ควบ “รัฐมนตรีบัวแก้ว” ตั้งแต่ยุค “รัฐบาล คสช.” ได้รับงบประมาณจำนวน 7,618 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 738 ล้านบาท

กระทรวงการคลังที่มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น “ขุนคลัง” ได้รับงบประมาณสูงที่สุด “อันดับ 3” จำนวน 273,941 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” จำนวน 7,837 ล้านบาท

มหาดไทย ที่มี “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ขุนพล 3 ป. เป็นเจ้ากระทรวง ได้รับงบประมาณสูงสุดเป็นอันดับ 2-รองจากกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น จำนวน 316,527 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 42 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้รับ 333,671 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 175 ล้านบาท

งบฯแสนล้านในกำกับ “ประวิตร”

โควตาพรรคพลังประชารัฐของ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี-หัวหน้าพรรค แม้ “ขาลอย” ถูกแขวนไว้เพราะปัญหาสุขภาพ-อายุ แต่นั่งเป็นประธานคณะกรรมการโครงการน้ำ-คุมเมกะโปรเจ็กต์เขื่อน-คู-คลอง หลายแสนล้าน ภายใต้ประกาศิต “ประชาชนอยู่ดีกินดี”

มีกลุ่ม “3 ช” ที่เป็นลมใต้ปีก คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์-รองหัวหน้าพรรค กำกับดูแลกรมพัฒนาที่ดิน 3,961 ล้านบาท กรมฝนหลวงและการบินเกษตร 1,954 ล้านบาท สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) 1,340 ล้านบาท

ส่วน “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน “จับกัง 2” รับผิดชอบกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน-เบี้ยน้อยหอยน้อย 1,599 ล้านบาท จึงมีขีดจำกัดต้องเดินสาย “แพ็กคู่” กับ “ผู้กองธรรมนัส” สะสมแต้มส่วนตัว

ก๊ก “สามมิตร” ที่เจ้ากระทรวงอุตสาหกรรมคือ “ดีลเมกเกอร์” มากบารมี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับงบประมาณ 4,380 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 4,659 ล้านบาท “กระทรวงตาชั่ง” ได้รับงบประมาณ 24,321 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 26,828 ล้านบาท มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” นั่งบัลลังก์ยุติธรรม

แม้จะเป็นงบประมาณไม่มาก แต่เป็นกระทรวงที่สามารถมี “คะแนนนิยม” ได้ถ้าหากเข้าไป “เตะหัวใจ” คนที่ต้องทุกข์ร้อนกับความ “อยุติธรรม”

ส่วน “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน “เจ้าพ่อจับกัง” ตัวจริง-เสียงจริง ได้รับงบประมาณ 49,742 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้รับ 69,720 ล้านบาท

แม้จะรับงบประมาณได้ไม่มากนัก แต่ “เสี่ยเฮ้ง” ก็โกยคะแนนเสียงจาก “ผู้ประกันตน” ได้กว่า 10 ล้านคน รวมถึง “สหภาพแรงงาน” จน “ตุนแต้มต่อ” ใส่กระเป๋าตังค์ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร “เป็นกอบเป็นกำ”

ส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มี “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหมู่ทะลวงฟัน “สงครามไซเบอร์” ได้รับงบประมาณ 6,979 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 81 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 8,301 ล้านบาท

สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้งบประมาณสูงสุดทุกปี ปีนี้ได้งบ 332,398 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 1,096 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 356,449 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 850 ล้านบาท โดยมี “ครูเหน่ง” ตรีนุช เทียนทอง ต้องมารับเผือกร้อนปฏิรูปการศึกษา โจทย์ใหญ่ “กลุ่มนักเรียนเลว”

ภูมิใจไทย ทวงเงิน สาธารณสุข

ภูมิใจไทย-พรรครัฐบาลอันดับ 2 ในรัฐบาล เล่นบทดุดัน ถล่ม พล.อ.ประยุทธ์หนักหน่วงในศึกซักฟอกงบประมาณ

เพราะกระทรวงหมอ-สาธารณสุขที่มี “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้รับงบประมาณ 153,940 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 332 ล้านบาท“ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 158,278 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 255 ล้านบาท “สวนทาง” โควิด-19 ที่กำลังระบาดหนัก

คมนาคม-กระทรวงงบประมาณสูงสุดอันดับ 6 ได้รับ 175,858 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 181 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 189,958 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 638 ล้านบาท

กระทรวงคมนาคมของ “บิ๊กโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เกือบจะเรียกได้ว่ากุมอำนาจ “กระทรวงเมกะโปรเจ็กต์” เบ็ดเสร็จ ภายหลัง “ถาวร เสนเนียม” พ้นจากตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วยฯ” จากคำพิพากษาจำคุก “คดี กปปส.” ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวถูกโยกมาให้ “เสี่ยแป้งมัน” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล “นายทุนภูมิใจไทย” สานต่อ

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับงบประมาณ 5,164 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 26 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 6,092 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 32 ล้านบาท เจ้ากระทรวง “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ ขุนพลปักษ์ใต้ พรรคสีน้ำเงิน “เจ้าของปั๊มพีที” จึงต้องลุ้นในขั้นกรรมาธิการเพื่อ “แชร์ส่วนแบ่ง” งบประมาณในพื้นที่ภาคใต้-จังหวัดท่องเที่ยว

ปชป.กินบุญเก่าประกันรายได้

ขณะที่ประชาธิปัตย์ “นิ่งที่สุด” กระทรวงพาณิชย์ ของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค ได้รับงบประมาณ 6,523 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 620 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยรับ 6,825 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 1,151 ล้านบาท

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ได้รับงบประมาณ 110,126 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 273 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 110,731 ล้านบาทเงินนอกงบประมาณ 149 ล้านบาท

แม้ “เสี่ยต่อ” เซ็นคำสั่ง “แบ่งงาน” ให้กับอีก 3 รัฐมนตรีช่วยต่างพรรค-พวก ทว่า ทุกโครงการ-งบประมาณต้องได้รับความเห็นชอบจาก “รัฐมนตรีว่าการ” “อู๊ดด้า” กับ “เสี่ยต่อ” จึงเป็น “กระทรวงคู่แฝด” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” เดินเครื่อง “ประกันรายได้” ให้เกษตรกรเต็มสูบ หว่านเม็ดเงิน เพื่อหวัง “ดอกผล” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มี นายจุติ ไกรฤกษ์ เป็น “เจ้ากระทรวงสังคม” ได้รับงบประมาณ 24,664 ล้านบาท “เพิ่มขึ้น” จากปี’64 ที่เคยได้ 22,341 ล้านบาท

ส่วนพรรคขนาดกลาง-เล็กอย่างชาติไทยพัฒนา “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรค คุม “กระทรวงดินน้ำลมไฟ” ที่ได้รับงบประมาณ 28,325 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 1,152 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 29,335 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 1,139 ล้านบาท

ขณะที่ รวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งมี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็นผู้ก่อตั้ง และมี “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” คุมกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ติด “ท็อปเทน” ได้รับงบประมาณ 124,182 ล้านบาท และ “เงินนอกงบประมาณ” 3,335 ล้านบาท “ลดลง” จากปี’64 ที่เคยได้ 128,127 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 5,184 ล้านบาท

ชาติไทยพัฒนา-พรรคสุเทพ จึงเล่นบทเพลย์เซฟ รอรับงบประมาณเช่นกัน

เมื่องบประมาณพร้อม-คนพร้อม ทุกพรรคก็พร้อมจะแยกวง เข้าสู่สนามเลือกตั้ง หากเกิดอุบัติเหตุยุบสภาขึ้นมาจริง ๆ