ประยุทธ์ หย่าศึก “สธ.-กทม.” กลางที่ประชุม ปมกระจายวัคซีนโควิด

PRACHACHAT/Illustration/Bhattarada Manee

ประยุทธ์ หย่าศึก “สธ.-กทม.” ปะทะปมกระจายวัคซีนโควิด-19ในพื้นที่กรุงเทพมหานร ผู้ว่าฯอัศวิน เดือด ถามหาความเป็นลูกผู้ชาย

วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลตามรายงานของมติชนว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานวานนี้ (27 ก.ค.)

ช่วงหนึ่งของการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานเรื่องสถานการณ์การฉีดวัคซีน ว่า ในปี 2564 ไทยจะได้รับวัคซีนทั้งสิ้น 110 ล้านโดส เป็นไปตามเป้าที่ได้วางไว้ และจำนวนดังกล่าว ยังไม่ได้นับรวมวัคซีนทางเลือก อาทิ ซิโนฟาร์ม หรือโมเดอร์นา แต่อย่างใด

ส่วนการเข้าร่วม Covax นั้น นายอนุทินยังชี้แจงด้วยว่า ตามหลักเกณฑ์ของปี 2564 ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลางถึงสูง หากจะเข้าร่วมต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังยกตัวอย่างบางประเทศที่ได้รับวัคซีนจาก Covax ว่าจำนวนที่ได้ไม่ได้มากเท่าไหร่ ที่ประเทศไทยหามาเองยังหาได้มากกว่า แต่ถ้าปีหน้า Covax มีการปรับหลักเกณฑ์อาจจะพิจารณาเข้าร่วม

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้หยิบยกประเด็นกระแสข่าวการฉีดซีนไฟเซอร์ให้กับวีวีไอพีขึ้นมาว่า “จะฉีดได้อย่างไร ในเมื่อไฟเซอร์ยังมาไม่ถึงเลย ไม่รู้เอาข่าวมาจากไหน โดยกระทรวงสาธารณสุขมีแผนอยู่แล้วว่าจะจัดสรรให้ใคร”

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้สอบถามที่ประชุมถึงกรณีที่มีการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเข็มที่ 3 ให้กับตำรวจที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมกับระบุว่า ให้ไปสอบสวนและรายงานขึ้นมาว่ามันคืออะไร ทำให้นายอนุทินถือจังหวะนี้ขอชี้แจงว่า บุคลากรด่านหน้าไม่ได้หมายถึงบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ยังมีกลุ่มอาชีพอื่นด้วย และตำรวจที่มีการพูดถึงถือเป็นบุคลากรด่านหน้า เพราะทำหน้าที่ขับรถรับ-ส่งผู้ป่วยโควิด-19 จาก กทม. กลับบุรีรัมย์ และจากในพื้นที่บุรีรัมย์เองไปยังศูนย์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังมีการรายงานถึงปัญหาคนป่วยในโรงพยาบาลบุษราคัม ที่รองรับผู้ป่วยสีเหลืองให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า ขณะนี้กำลังเจอปัญหาผู้ป่วยที่หายไข้แล้ว แต่ไม่ยอมกลับบ้าน โดยให้เหตุผลว่าหากกลับแล้วไม่รู้จะทำมาหากินอะไร

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังพูดถึงกรณีที่มีผู้ออกมาแนะนำให้นายกฯ ใส่ชุด PPE ลงพื้นที่เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ว่า “ผมไม่ได้กลัวการลงพื้นที่ แต่ผมเป็นคนออกมาตรการให้มีการ Work From Home ก็ไม่อยากขัดมาตรการที่ตัวเองเป็นคนออก และปัจจุบันก็มีรัฐมนตรีค่อยลงพื้นที่อยู่ ซึ่งได้มีการรายงานให้ผมทราบมาตลอด”

สธ.-กทม. เดือดกลางที่ประชุม

ขณะที่ การประชุมหารือการบริหารวัดซีนโควิด-19 ของสถานีกลางบางซื่อ เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (27 ก.ค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ปรากฏว่า เกิดข้อโต้เถียงกันเกิดขึ้นระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เกี่ยวกับวัคซีนที่มีการส่งมอบให้ กทม. โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า กทม. เพิ่งจะได้รับวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขเพียง 7 แสนโดสเท่านั้น

ทำให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค จึงชี้แจงว่า สธ. ได้ส่งมอบวัคซีนให้กับสำนักอนามัย สังกัด กทม. ในเดือน มิถุนายน 1 ล้านโดส และเดือน กรกฎาคม อีก 1.1 ล้านโดส ทำให้ พล.ต.อ.อัศวิน ตอบกลับไปว่า ที่สธ. ส่งมา เป็นการส่งให้สำนักอนามัยและนำไปให้คนที่ลงทะเบียนหมอพร้อม ไม่ได้เป็นการจัดการของ กทม.


นพ.โอภาส จึงกล่าวต่อว่า เมื่อ สธ.ให้ไปแล้ว สำนักอนามัยจะนำไปส่งมอบให้ใครต่อ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือคนที่ลงทะเบียนตามระบบหมอพร้อม สธ. ไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะถือเป็นเรื่องการบริหารจัดการของ กทม. และกทม. ขอมาเท่าไหร่ สธ.ก็จัดสรรเท่านั้น ทำให้ พล.ต.อ.อัศวิน ถึงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “คุณพูดให้เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิ” จน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกล่าวตัดบท ว่า เราไม่ได้มาขัดแย้งกัน เราแค่อธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน