อดีตนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” โพสต์ข้อความแนะนำกระทรวงพาณิชย์-รัฐบาล แก้ปัญหาลำไยล้นตลาด ระยะยาวขอให้ทบทวนแนวทางเกษตรโซนนิ่ง แก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำอย่างจริงจังและยั่งยืน
วันที่ 13 สิงหาคม 2564 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเป็นห่วงเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ ที่ประสบปัญหาขาดทุนจากผลผลิตล้นตลาด และจีนสั่งระงับการนำเข้าลำไยของหลายบริษัทในประเทศ พร้อมข้อเสนอแนะ ดังนี้
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
วันนี้ไปซื้อลำไยจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่ดูไบ ทำให้คิดถึงเมืองไทยว่า แม้ว่าปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยอากาศดี ช่วงต้นปีอากาศเย็น ส่งผลให้ลำไยมีผลผลิตเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึง 20% ซึ่งลำไยเป็นผลไม้ส่งออกที่มีความต้องการสูง แต่ปรากฏว่าช่องทางการจำหน่ายยังจำกัดเพราะผลกระทบของโรคระบาด ทำให้ดิฉันเป็นห่วงชีวิตพี่น้องเกษตรกรโดยเฉพาะทางภาคเหนือที่ปลูกลำไยกันเป็นจำนวนมากที่ต้องลำบากเพราะขาดทุนจากผลผลิตที่ล้นตลาด
ส่วนกรณีล่าสุดที่จีนสั่งระงับการนำเข้าลำไยจากประเทศไทยของหลายบริษัทนั้น ดิฉันเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ต้องเจรจาให้ทางการจีนผ่อนปรนให้กับไทยบ้างเพราะจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของลำไยไทย และเป็นการสั่งอย่างกะทันหัน ซึ่งขณะนี้ลำไยอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยว และเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ต้องส่งผลกระทบอย่างแน่นอน ในมุมกลับกันไทยก็รับผลไม้จีนเข้ามาจำหน่ายในประเทศเป็นจำนวนมากเช่นกันน่าจะสามารถเจรจาผ่อนปรนกันได้บ้างค่ะ
อย่างไรก็ตามดิฉันเรียกร้องให้ภาครัฐเข้าไปแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำอย่างจริงจังและยั่งยืนค่ะ เพราะแม้จะทำโครงการแลกเปลี่ยนผลิตผลการเกษตรระหว่างจังหวัด แต่ทำได้จำนวนจำกัด ไม่สามารถช่วยเกษตรกรในวงกว้างได้ รัฐอาจอุดหนุนราคาบ้าง แต่ต้องดูแลแก้ปัญหาองค์รวมในเรื่องผลผลิตลำไยล้นตลาดและราคาตกต่ำ ด้วยการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้ช่วยซื้อลำไยสด หรือโรงงานรับซื้อลำไยเพื่ออบแห้ง และบรรจุลำไยกระป๋องเพื่อถนอมอาหาร รอส่งออกต่างประเทศ
ไม่เพียงแค่ผลิตผลลำไยเท่านั้น แต่รัฐบาลต้องดูแลพืชผลเกษตรทั้งหมด และควรเตรียมมาตรการรองรับเพื่อจะได้ไม่เจอวังวนแบบนี้ทุกปี รวมทั้งต้องประสานกับทั้งโรงงานแปรรูป ไปจนถึงสหกรณ์ ตลาดกลาง ห้างโมเดิร์นเทรดในการช่วยกระจายสินค้าอย่างเป็นระบบค่ะ ภาครัฐต้องมีการกำหนดกลยุทธ์ที่สร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์ และอุปทานของสินค้าเกษตร มีการรวบรวมข้อมูลสินค้าเกษตร และผลไม้ที่จะออกสู่ตลาดตลอดปีเพื่อบริหารจัดการไม่ให้เกิดปัญหาล้นตลาดและราคาตกต่ำ
ในระยะยาวแล้ว ดิฉันเสนอให้ลองทบทวนแนวทางเกษตรโซนนิ่งที่ดิฉันได้เริ่มไว้สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะจะเป็นการจัดระเบียบพื้นที่การเกษตรที่เหมาะสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยึดหลักการตลาดนำการผลิตพร้อมกับยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรไทย ลดต้นทุนการเพาะปลูก เพราะปัจจัยการผลิตถูกใช้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของพืชแต่ละชนิดค่ะ
อยากขอเชิญชวนภาคเอกชน บริษัทต่างๆ หรือใครที่ยังพอมีกำลังซื้อช่วยอุดหนุนลำไยและพืชผลทางการเกษตรอื่นที่กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำเพื่อช่วยกันประคับประคองให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันนะคะ