เปิดใจ “ไผ่ ลิกค์” กันชน 3 ป. สั่งได้ เคลียร์ได้ “มีปัญหามาบอกผม”

สัมภาษณ์พิเศษ
ปิยะ สารสุวรรณ

ความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งแรงกระเพื่อมไปยังรัฐบาลพี่-น้อง 3 ป. อย่างคาดไม่ถึง

คาดไม่ถึงว่าสายสัมพันธ์แห่งอำนาจ “ครึ่งทศวรรษ” ของพี่-น้อง 3 ป.จะถูกสั่นคลอน

คาดไม่ถึงว่ากองมรดกทางการเมือง-ส.ส.122 ชีวิต ของพี่-น้อง 3 ป.จะสะสมความหวาดระแวงในหมู่ทหารเสือราชินี

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร-รองเลขาธิการ พปชร. ที่มารับมอบหมายเป็น “ผู้ประสานงาน” กับภารกิจกาวใจขั้ว 3 ป. สลายภาพ “วัดพลัง”

ประสาน ส.ส.-ล้างภาพ “วัดพลัง”

“ไผ่” เริ่มต้นบทสนทนา-เล่าภารกิจ “ผู้ประสานงาน” ว่า ภารกิจหลักต้องทำให้ไม่เกิดภาพลักษณ์การวัดพลัง เพื่อไม่ให้สังคมเข้าใจผิด ซึ่งตอนนี้ดีขึ้นมาก ส.ส.พื้นที่ใกล้เคียงอยู่ใกล้ตรงไหนก็ไปกัน เดี๋ยววันที่ท่านนายกฯลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิก็จะมี ส.ส.ไป รวมถึงวันที่ท่านหัวหน้าพรรคไปจังหวัดนครราชสีมา

“ไปกำชับให้มากันนะ ว่างก็มานะ ไม่ว่างก็จะได้รู้ว่า ไม่ว่าง เพราะบางคนก็ติดต้องดูแลพื้นที่ ผมพูดตรง ๆ นะ ส.ส.ทุกคนอยากไปอยู่แล้ว เพราะเวลาเราไปถึงท่านนายกฯ เราสามารถเอาเรื่องที่เราอึดอัด เรื่องที่เราต้องการ เรื่องความต้องการของชาวบ้านไปกราบเรียนท่านนายกฯ ท่านนายกฯก็ช่วยเหลือตลอดอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเราไม่รู้ พอเราไม่รู้ เราก็ไปไม่ถูก ปัญหามันเล็กมากเลยครับ พอเรารู้กัน ทุกคนอยากไปครับ อย่างเมื่อวานไป (ที่ จ.สุโขทัย) มา ท่านนายกฯก็รับฟังปัญหาอย่างเต็มที่”

“ไผ่” ยอมรับว่า ปัญหาที่ผ่านมาเหมือน “เส้นผมบังภูเขา” ส.ส.ไม่รู้ไปจะไปตอนไหน-จะไปอย่างไร ใช่ครับ บางทีไปตรงนี้ เขาไม่ทราบว่า ไปได้ไหม เราอยู่คนละพื้นที่เราจะไปยังไง เราไปแล้วจะเกี่ยวหรือไม่ ทำให้ ส.ส.ไปไม่ได้ แต่ตรงนี้ เราก็แค่บอกว่า ไปเลย ผมบอกก็มาหมดอยู่แล้วครับ

ถ้าท่านนายกฯเรียกไปไหน ไปกันหมดอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่า ไม่มีคนบอก พอคนบอกไม่มี หรือเมื่อก่อนเขาตามกันอย่างไรผมไม่ทราบ อย่างท่านหัวหน้าพรรค ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เราเจอท่านบ่อย “เอ้า ไปสิ ไปได้” พอเรารู้ว่าเราไปได้ เราก็ไปตลอด เรื่องไม่ได้ยาก เราไปประสาน เราสนิทกับหลายคน เกือบทุกคน ผมก็แค่ไปถามว่า กำหนดการเป็นอย่างไร เราจะไปเจอกันได้ที่ไหน ทางสุโขทัยก็ต้อนรับดีมาก ดูแลพวกเราดีมาก แค่ประสานถึงความต้องการว่าเราอยากไป มันง่ายมาก เรื่องเล็ก ๆ

“ไผ่” ยืนยันว่า หลังจากนี้การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีภาพ “ช้างชนช้าง” อีก วันนี้ไม่มีคิวชนกันแล้ว ท่านหัวหน้าพรรคก็เลื่อนวันแล้ว แต่ถ้าชนกันก็เป็นความจำเป็น เพราะท่านนายกฯกับรัฐมนตรี ลงพื้นที่กันตลอด ยิ่งตอนนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า พื้นที่น้ำท่วมเยอะมาก อย่างกำแพงเพชรเริ่มหนักแล้ว เราก็ต้องอยู่ในพื้นที่ตัวเองด้วย เราก็ต้องดูความพร้อมว่าใครสะดวก ใครไม่สะดวก ต้องดูแลประชาชนทั้งหมด หรือจะเอาเรื่องมาร้องทุกข์กับท่านนายกฯ ร้องเรียนกับท่านนายกฯ

“ถ้าไปพร้อมกันก็แบ่งกันไป ดูความเหมาะสมและความจำเป็น ไปพอ ๆ กัน ไม่มีการวัดพลัง ทั้งหมดที่ทำ เราไม่อยากให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนรู้สึกว่ามันมีความขัดแย้งเกิดขึ้น จริง ๆ ไม่มีอะไรแล้ว จบแล้ว”

ภารกิจสร้างสามัคคีปรองดอง

เขาปฏิเสธทันควันกับชื่อเรียกภารกิจว่า “กาวใจ 3 ป.” ไม่ ๆ ผมไม่สามารถทำถึงขนาดนั้นได้ ตรงไหนที่เราทำได้ เราก็ทำ จริง ๆ ผมก็ทำตรงนี้มาตลอด ไม่ว่างานอะไรที่ได้รับมอบหมายมาจากท่านหัวหน้าพรรค ท่านเลขาธิการพรรค ผมทำตลอด ไม่ว่างานเล็กงานใหญ่ ผมก็ทำตลอด เช่น การประสานกับ ส.ส.มาประชุมพรรค การประสานการประชุมร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน การดูเสียงโหวตในคณะกรรมาธิการทั้งการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย บางครั้งก็เป็นคนรวบรวมปัญหาความเดือดร้อนของเพื่อน ส.ส.ภายในพรรคให้ท่านหัวหน้าพรรค ท่านเลขาธิการพรรค เรื่องนี้ประธานวิปรัฐบาลมอบหมายมา ผมก็ทำให้

“เราห่วงไม่อยากให้พ่อแม่พี่น้องรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น (วัดพลัง) เรื่องนี้มันซ้ำเติมประเทศเราพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องโควิด ตามมาด้วยเรื่องผลกระทบจากพายุที่เข้ามา หลังจากนี้ถ้าพายุมาอีกหลายลูกมันอาจจะซ้ำกับเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี’54 ก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น”

“ไผ่” เคลียร์ข้อกังขาว่า 3 ป. แตกกัน-พปชร.ไม่มีกลุ่ม ไม่มีก๊วน ว่า ไม่แตกหรอกครับ ท่านอยู่กันมา 50 ปี เป็นพี่น้องกัน ยังรักกันเหมือนเดิม ทำงานกันไป เมื่อวานได้คุยกับท่านนายกฯ ท่านก็ตอบมาว่า ให้สามัคคีกัน ส่วนภายในพรรคผมมีโอกาสได้คุยกับท่านหัวหน้าพรรคหลายครั้ง ท่านพูดเสมอว่า ไม่มีอะไร รักกันปกติ แต่ก่อนมีกลุ่ม จะบอกว่าไม่มีไม่ได้ แต่วันนี้ท่านหัวหน้าพรรคบอกแล้วว่า ให้ยุติเรื่องกลุ่ม เราต้องเดินไปข้างหน้า ถ้าเราไม่เข้มแข็ง การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า ต้องร่วมด้วยช่วยกัน

“ต้องเข้าใจว่า การรวมหลาย ๆ กลุ่มเข้ามาในตอนแรก (ก่อตั้งพรรค) ความคิดทางการเมืองอาจจะไปซ้าย ไปขวาบ้าง แต่ผลสุดท้ายต้องมีจุดที่เรามองตรงกัน ท่านหัวพรรคบอกแล้วว่า ต่อไปนี้ เราคือ พวกเดียวกันหมด ท่านนายกฯอยากให้ไม่มีข่าวที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่า วัดพลังกันอีก ผมยังเชื่อว่า ท่านหัวหน้าพรรคยังรับมือเรื่องนี้ได้ ผมยังไม่เชื่อว่าจะแตกกันไป แรงกระเพื่อมอาจจะมีบ้าง แต่ยังไม่ถึงกับพรรคแตก”

คุยได้ทุกกลุ่ม-อยู่ได้ทุกก๊ก

ภารกิจร้อนฉ่าทำไมเชื่อมือ “ไผ่ ลิกค์” เพราะเขาคุยได้ทุกกลุ่ม-อยู่ได้ทุกก๊ก และเชื่อมั่นว่า 3 ปีที่ถูก “ผู้ใหญ่” เรียกใช้งานไม่เคยผิดหวัง

เอาเป็นว่า ผมเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ สั่งอะไรมาผมก็ทำได้ ขอให้สั่งมา ผมทำทุกอย่างให้ได้อยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา 3 ปี ผู้ใหญ่สั่งงานมาก็ทำตลอด ภารกิจนี้ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง ตัวภารกิจไม่สำคัญ สิ่งที่ผมต้องการคืออยากให้เกิดความสามัคคีกันทั้งหมด ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด

“ผมคุยกับใครก็ได้ คุยกันมาตลอด เวลาเพื่อน ส.ส.มีปัญหาก็มาปรึกษาผม ผมก็นำเรียนผู้ใหญ่อยู่แล้วครับ อาจจะเป็นความใกล้ชิด เวลามีปัญหาอะไรกันก็มาบอกให้ผมไปรายงาน ไปบอก ผมก็คุยได้อยู่แล้ว”

“ผมอยู่ได้กับทุกกลุ่มครับ ผมอยู่กลุ่มท่านประวิตรครับ วันนี้ทุกคนต้องอยู่กลุ่มท่านหัวหน้าพรรค ส่วนผู้กองธรรมนัสกับผมรู้จักกันมานาน ตั้งแต่ผมเด็ก ๆ สมัยเที่ยวกันเด็ก ๆ ไปเที่ยวก็เจอกัน ก่อนมาทำงานการเมือง ก่อนมาอยู่เพื่อไทย ตอนนี้ท่านก็ยังเหมือนเดิม พร้อมที่จะเดินต่อ สู้ต่อ ย้ำให้ ส.ส.ลงพื้นที่เตรียมเลือกตั้ง ไม่แยกแน่นอน ทุกคนยังอยู่กับนายป้อม”

ท่ามกลางกระแสพรรคใหม่-แรงเสียดทานจาก “พรรคบิ๊กฉิ่ง” เขายังเชื่อว่า จะไม่มี ส.ส.พปชร.ย้ายพรรค และนับเป็น “พรรคคู่แข่ง” ไม่ใช่พรรคพันธมิตร

ถ้าแยกออกไป ยิ่งจะทำให้พรรคเล็กลง แล้วจะเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถ้าเป็นพันธมิตรมันก็จะฮั้วกันทางการเมืองสิครับ พ.ร.บ.เลือกตั้งทำไม่ได้ เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งทุกพรรคยังไงก็ต้องเป็นคู่แข่งกันหมดอยู่แล้ว เลือกตั้งเสร็จแล้วก็มาทำงานร่วมกันได้ เหมือนรัฐบาลนี้ แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็ต้องแข่งกัน เป็นเรื่องปกติ เราไปห้ามใครไม่ให้ตั้งพรรคได้เหรอครับ ไม่ได้ เราก็ต้องทำงานของเราไป หน้าที่ผมก็ทำให้เต็มที่ ผมเชื่อว่า ถ้าผมทำงานเต็มที่ผมอยู่พรรคไหนผมก็ได้กลับมา

ชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

“เป็นสิทธิ์ของเขา (ในการเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี) ครับ แต่ผมเชื่อว่า ยังมีอีกหลายปัจจัย พรรคการเมืองที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ก็ต้องได้ ส.ส. 25 คนขึ้นไป ยังต้องมองเกมการเมืองอีกหลายชอต ตอนนี้ก็ยังเป็นพรรคพลังประชารัฐอยู่ ยังไม่มีอะไร เมื่อวานก็คุยกับท่านนายกฯแล้ว ก็ไม่มีอะไร ท่านนายกฯอยากให้ปรองดอง ไม่ได้ห่วงเรื่องอื่น ก็ต้องชูท่านนายกฯต่ออยู่แล้วครับ”

ถ้าวันไหนตั้ง (พรรคบิ๊กฉิ่ง) ก็ต้องสู้กัน การเมืองไปห้ามใครทำไม่ได้ แต่ถ้ามี ส.ส.พปชร.ออกไปอยู่กับพรรคใหม่ จะทำให้เราไม่สามารถเป็นพรรคอันดับหนึ่งได้เลย ถ้าเดินอย่างนี้ ผลสุดท้ายจะทำให้พรรคเล็กลง

“มีการสอบถามเรื่องตั้งพรรคใหม่มาโดยตลอด มี ส.ส.ในพรรคหลายคนรู้สึกกลัวว่า ไม่รู้พรรคจะเดินไปทางไหน คำตอบที่ได้รับ คือ ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะมีการตั้งพรรคใหม่หรือไม่ ไม่กระทบกับพรรคพลังประชารัฐ ถ้าจะตั้งก็ไม่กระทบ เราก็พร้อมที่จะสู้ด้วย เราห้ามใครให้ตั้งพรรคไม่ได้ ผมเชื่อว่า ส.ส.ทุกคนยังอยู่กับท่านหัวหน้าพรรคและท่านนายกฯ ยังไงบัญชีนายกรัฐมนตรีก็ยังต้องเป็นท่าน พล.อ.ประยุทธ์”

“ไผ่” ยัง “แทงกั๊ก” ที่จะตอบว่า จะเสนอชื่อ “หัวหน้าพรรค” ใส่ไว้ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่ ยังไม่มีหรอกครับ ยังไม่มีอะไร อย่าเพิ่งไปจุดประเด็นให้มีปัญหา ผมคิดว่า วันนี้ต้องช่วยกันเรื่องโควิด กับเรื่องน้ำท่วม ตอนนี้ผมก็ต้องลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนทั้งวัน

ส่วนสนามเลือกตั้งต่อมา คือ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพราะเข้าถึงชาวบ้าน และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ส่วนผู้ว่าฯ กทม. ยังคุยกันอยู่ จะส่งหรือไม่ ยังไม่สรุป สนามพัทยา ไม่ยุ่ง