ปัจจัยชี้ขาด เลือกตั้งผู้ว่า กทม. ชัชชาติ มีสิทธิคว้าชัยล้านคะแนน

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ-ดร.สุขุม นวลสกุล

การชิงชัยเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่ 17 ดุเดือดเข้มข้น เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าใครนำ-ใครตาม

ใกล้เช้าช่วง 30 วันสุดท้าย เหล่าบรรดาผู้กล้าขันอาสาปลดทุกข์ให้คนกรุง ต่างลงพื้นที่ขอคะแนนอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำตัวเต็งที่จะเข้าป้าย

“ประชาชาติธุรกิจ” ตั้งธงให้ 2 นักรัฐศาสตร์ คนหนึ่งเก๋าสถิติ คนหนึ่งเก๋าประสบการณ์ วิเคราะห์ปัจจัยชี้ขาดว่าใครจะได้ชัยชนะ

ทั้ง ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า และ ดร.สุขุม นวลสกุล นักรัฐศาสตร์ คาดการณ์ ทำนายผล ระดับน่าตื่นเต้น ก่อนเข้าคูหา 22 พฤษภาฯ 2565

ฟันธงชัชชาติคว้าชัย

“สติธร” ทำนายก่อนว่า ไม่ต้องลุ้นชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระชนะแน่นอน แค่เปิดตัวมาก็รู้แล้วว่าชนะเลย ตอนนี้คนที่ตั้งใจที่จะไปเลือกตั้งแน่ ๆ เชื่อว่า รู้แล้วว่าตัวเองอยากเลือกอะไร เพราะ 1.รอการเลือกตั้งมานานแล้ว 2.ผู้สมัครหลายคนเปิดตัวมานานแล้ว เราเห็นหน้าตาอยู่แล้วว่าใครอยากลงบ้าง 3.ผู้สมัครที่เพิ่งเปิดตัวมาใหม่ ๆ ไม่ได้ทำลาย หรือแทนชอยซ์เก่า

ในบรรดาพวกที่เปิดมาทั้งหมด น่าจะมี สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ คนเดียว ที่คนต้องหยุดดูและคิดหน่อย

“แต่พอสุชัชวีร์ยืนระยะได้แค่นี้ก็จบแล้ว ทั้ง 3 ปัจจัย คนที่ตั้งใจไปเลือกตั้งแน่ ๆ รู้อยู่แล้วว่าจะเลือกอะไร และเชื่อว่าเกิน 80% ของคนพวกนี้ไม่เปลี่ยนใจแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม้เหลือเวลาอีกนาน”

คว่ำชัชชาติได้ ต้องขุดเรื่องร้ายแรง

ส่วนในอดีตตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อปี 2556 ที่มีเกมใต้ดิน “ไม่เลือกเราเขามาแน่” พลิกให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ คว่ำ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทยได้ มาครั้งนี้ “สติธร” วิเคราะห์ว่า เกิดขึ้นยากในรอบนี้

เมื่อวางโจทย์เป็นชัชชาติ จะพลาดแบบ พล.ต.อ.พงศพัศ ต้องเป็นเรื่องส่วนตัวล้วน ๆ ต้องมีคนไปขุดว่ามีความผิดมหันต์ เช่น เคยไปโกงชาติบ้านเมือง เอาเงินไปซ่อนที่ต่างประเทศคนไม่เคยรู้ หรือมีพฤติกรรมเสื่อมเสียร้ายแรงผิดศีลธรรม คนถึงจะผิดหวังรุนแรง

“ส่วนกองเชียร์พรรคก้าวไกลที่น่าจะมี 6 แสนเสียง คงตัดสินใจแล้วว่าใครจะเลือกวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แต่เกินครึ่งน่าจะเลือกชัชชาติ”

ปัจจัยชี้ขาดชัยชนะ

สติธรชี้ว่าปัจจัยโซเชียลมีเดีย ก็มีผลทำให้ “ชัชชาติ” นอนมา

“พอชัชชาติเปิดตัวเป็นเรื่องเป็นราวก็สานต่อความดังในโซเชียลของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊ก แต่ไวรัลด้วยคนที่ชอบไปเอง”

สำหรับปัจจัยชี้ขาดชัยชนะ “สติธร” กล่าวว่า ตอนนี้ชัดอยู่แล้วว่า คนคาดหวังกับกรุงเทพฯ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หาเสียงในสิ่งที่ตรงกับความคาดหวังของคนก็เป็นตัวชนะ

ถ้าผู้สมัครจะตอบโจทย์แบบนี้ได้ ต้องเสนอมาว่า กรุงเทพฯจะดีกว่านี้ได้ด้วยรูปธรรมเป็นข้อ ๆ ด้วยวิธีการที่จะทำให้กรุงเทพฯดีกว่านี้มีอะไรบ้างเป็นข้อ ๆ มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม เมื่อประชาชนเห็นว่าไอเดียตรงกับเขา ก็ซื้อในขั้นแรก และขั้นต่อไปผู้สมัครผู้ว่าฯ ต้องเสนอวิธีการ ถ้าประชาชนเห็นว่าใช่ เขาซื้อนโยบาย ก็จบ

“เป็นเรื่องไอเดียบวกวิธีการว่าจะทำอะไร ไม่ใช่นโยบายลอย ๆ นโยบายลอย ๆ ไม่เอาแล้ว เช่น นโยบายปฏิรูปการศึกษา คนก็ถามว่าจะทำอย่างไร จะปฏิรูปอะไร อะไรที่จับต้องได้ ปัจจัยพวกนี้จะเป็นตัวชี้ขาด”

ชัชชาติคะแนนแตะล้าน

สติธรเปิดคะแนนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปสนาม กทม.ปี 2562 แล้วอ่านเกมแข่งขันนี้ว่า อาจมีการ “ตัดคะแนน” เฉพาะคะแนนเสียงจัดตั้ง แต่เสียงที่ไม่จัดตั้ง ที่มีขั้วของมันอยู่ มีโอกาสเลือกข้ามขั้วได้ ก็มีโอกาสว่า คนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ หรือเลือกพรรคพลังประชารัฐ อาจจะไปเลือกชัชชาติได้ แต่ไม่เลือกวิโรจน์

“4 แสนคะแนนเป็นของประชาธิปัตย์ 7 แสน คะแนนเป็นของพลังประชารัฐ ตอนที่มีอำนาจมาก เมื่อเอาผู้สมัคร 3 คน (สุชัชวีร์-สกลธี ภัททิยกุล-พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง) ในกลุ่มเดียวกันมารวมกัน คะแนนน่าจะหายไปพอประมาณ แต่จะไปบวกอีกฝั่งหนึ่ง กองอยู่ที่ชัชชาติ ซึ่งมีโอกาสถึงล้านคะแนนอยู่คนเดียว ส่วนที่สองอาจจะสัก 5 แสนคะแนน น่าจะกองอยู่ที่ พล.ต.อ.อัศวิน”

“คนที่เคยเลือกอนาคตใหม่ก็จะเลือกชัชชาติ คนที่เลือกเพื่อไทยก็จะเลือกชัชชาติ เลือกอิสระก็มาเลือก คนที่เลือกประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐก็จะมาเลือกอีก”

การเมืองระดับชาติเกี่ยวข้องน้อย

ด้าน “สุขุม” วิเคราะห์ว่า ผมว่าคุณชัชชาติค่อนข้างนำ แต่จะไปประมาทคนอื่นไม่มีโอกาสคงไม่ได้ เพราะกรุงเทพฯใช้เวลาแค่ 2-3 วันก็สามารถเปลี่ยนทัศนคติได้ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะมีทีเด็ดช่วงท้ายอย่างไร อาจมีปรากฏการณ์การเมืองอะไรขึ้นมา เช่น การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งที่ผ่านมา ก่อนเลือกตั้งคะแนน exit poll ยังผิดเลย

เรื่องความคิดทางการเมือง แม้มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.แต่ไม่หนักเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะปัจจัยการเมืองระดับชาติ เป็นปัจจัยชี้ขาดในแง่ของการตัดสินใจของคน แต่วันนี้ไม่ขนาดนั้น

แม้ว่าขั้วความคิดของผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ฝั่งหนึ่งเอาประยุทธ์-ฝั่งหนึ่งไม่เอาประยุทธ์ สุขุมกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ถึงขั้นคราวที่แล้วที่แยกเหลืองกับแดงไปเลย เพราะแม้กระทั่งผู้สมัคร กทม.ในฝ่ายเดียวกันก็ยังแข่งกันเอง มันกระจายไปหมดจึงไม่มีลักษณะรวมศูนย์เป็นสองขั้วเท่านั้น

ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 18-27 เป็นเรื่องที่คาดหมายกัน เช่น พรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งทางการเมือง แม้ไม่อยู่ในสายตา แต่พอถึงเวลาก็มีคะแนนพุ่งขึ้นมา

เรื่องนโยบายไม่ได้มีส่วนกันมากเท่าไหร่ เหมือนคิดอะไรได้ก็พูด ไม่ได้เป็นลักษณะเด่นชัดออกมา ซึ่งคราวนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นทีเด็ดจะให้ชี้ขาด

จับตาเกมใต้ดินโค้งท้าย

ชัชชาติก็ออกตัวมาเร็ว และเป็นคนที่มีผลงาน บวกกับความตั้งใจ ทำให้คะแนนสตาร์ตสูง ออกตัวแรง ส่วนวิโรจน์ ก็อาจตัดคะแนนชัชชาติ ส่วนอีกกลุ่มสุชัชวีร์ สกลธี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็ตัดคะแนน ครั้งนี้คนที่ชนะเลือกตั้งอาจมีคะแนนไม่ถึงล้านคะแนนก็ได้

“สุขุม” วิเคราะห์ช่วงโค้งสุดท้าย อาจเกิดเกมใต้ดินขึ้นมาตัดคะแนนผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เป็นธรรมดา แต่จะมีผลขนาดไหนแค่นั้นเอง บางทีอาจจะมาแบบไฟไหม้ป่าแล้วก็หายไป แต่บางทีอาจจะมีแบบกลับตัวไม่ทันก็คอยดูกันไป เพราะเรื่องแบบนี้ การเมืองที่อื่นอาจจะไม่เข้าใจ ยกเว้นการเมืองไทย ช่วงสุดท้ายลุ้นกันอีกที