บิ๊กอีเวนต์ Echo ผลงานรัฐบาล ประยุทธ์เรียกเรตติ้งอยู่ครบวาระ

ประยุทธ์ บิ๊กอีเวนต์

 

แม้วัน ว. เวลา น. ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไม่สะเด็ด ท่ามกลางกระแสข่าวบิ๊กดีลระหว่าง “บิ๊กฝ่ายค้าน” กับ “บิ๊กฝ่ายรัฐบาล” ที่ยังไม่ตกผลึก

ทว่าบิ๊กอีเวนต์ ที่ถูก “เซตติ้ง” ขึ้นมาจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า” ถูก “เซตอัพ” โดยสภาพัฒน์-สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผ่านรูปแบบเวทีเสวนานอกทำเนียบ ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2565

เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับวันสำคัญทางการเมือง ทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 และวันครบรอบ 8 ปี 22 พฤษภาคม 2557

ไฮไลต์สำคัญของบิ๊กอีเวนต์ คือ “พล.อ.ประยุทธ์” จะเป็นผู้กล่าวเปิดงาน-คิกออฟเวทีเสวนาด้วยตัวเอง และส่งไม้ต่อให้รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว พร้อมกับรับฟังความคิดเห็นทั้งจากภาคเอกชน-ธุรกิจและประชาชน

“อยากจะคุยกับประชาชนในนามรัฐบาล เปิดเวทีให้กับภาคเอกชน ภาคธุรกิจได้โต้ตอบ รัฐบาลจัดคนไปชี้แจง เพื่อรับฟังปัญหาและนำไปสู่การแก้ไข” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

“สภาพัฒน์” จะเป็น “ผู้กำกับ” ที่จะ “จุดประเด็น” บนเวทีเสวนา และเป็น “มือประสาน” กับกระทรวง-หน่วยงานราชการในการจัดนิทรรศการโชว์ผลงานในรูปแบบที่ย่อยงาน-เข้าใจทันที

โดยมีสถาบันการศึกษาเป็นเจ้าภาพ และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) เป็นเจ้าภาพร่วม

“ดนุชา พิชยนันท์” เลขาธิการสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า รูปแบบอยู่ระหว่างหารือ รวมถึงสำรวจสถานที่จัดงาน เช่น ขนาดของพื้นที่ เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมฟังการเสวนา และพื้นที่การจัดนิทรรศการ เน้นเดินทางสะดวกในกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2565 อีกทั้ง ในระยะถัดไปอาจมีเวทีย่อยให้พูดคุย-ต่อยอดทางความคิด

สำหรับรูปแบบการเสวนาจะเป็นลักษณะ hybrid ทั้ง on-site และ online ให้คนเข้ามาฟังได้ โดยจะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาคุยกัน มีผู้ดำเนินรายการและประชาชนมายิงคำถาม ถามตอบกันบนเวทีเสวนา คอนเซ็ปต์เนื้อหาบนเวทีคือประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

“ไม่ใช่เวทีที่ให้หน่วยงานราชการมา present ไม่ใช่เวทีที่จะให้เอกชนมาขอให้รัฐช่วยอะไร แต่เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ได้พูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันในการเดินหน้าประเทศไทย” เสนาธิการเศรษฐกิจย้ำความสำคัญ

บนเวทีเสวนาจะประกอบไปด้วยรองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีที่เกี่ยวกับเรื่องที่เสวนา โดยมี “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” แม่ทัพเศรษฐกิจเป็น “ตัวยืน”

นอกจากนี้ยังมีภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตลอดจน “นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่” ร่วมวงเสวนา โดยจัดให้มีหลาย session สื่อสารสองทาง ถาม-ตอบกับประชาชนบนเวที

“แหล่งข่าวระดับสูงตึกไทยคู่ฟ้า” เปิดเผยถึง “คอนเซ็ปต์” การจัดเวทีเสวนาว่า เปรียบเสมือน town hall รับฟังเสียงของประชาชนและชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสื่อสารลงไปถึงผู้ประกอบการและประชาชนฐานรากให้มากที่สุด

นอกจากสภาพัฒน์แล้ว ยังมีสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ในการเตรียมข้อมูล เช่น นโยบายรัฐบาล หรือนโยบายเฉพาะเรื่องที่จะเสวนา มีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เป็นหน่วยงานซัพพอร์ต เช่น มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

“ที่ผ่านมาบางช่วงมีเสียงสะท้อนว่า ทำไมรัฐบาลไม่มีผลงาน ทำไมรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน รัฐบาลไม่รู้ว่าความเดือดร้อนของประชาชน pain point คืออะไร จึงหาโซลูชั่นกันว่า การสื่อสารให้ข้อมูลไปถึงประชาชนรูปแบบเดิมมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ เช่น การนั่งแถลงข่าว บางคนบอกว่า ไม่มีคนฟัง ส่วนการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีก็สามารถสื่อสารได้ระดับหนึ่ง จึงเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ ทำเป็นเวทีเสวนา เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมมากขึ้น” แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ที่รับข้อมูลจากทุกแพลตฟอร์มระบุ

ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รูปแบบการจัดเวทีเสวนานอกสถานที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2563 ครั้งกระแสความขัดแย้งทางความคิดระหว่าง “คนรุ่นเก่า” กับ “คนรุ่นใหม่” ร้อนแรง

โดยจัด “เวทีนำร่อง” ที่จังหวัดระยอง วันที่ 24-25 สิงหาคม 2563 และที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 2-3 กันยายน 2563 กลับถูกต่อต้านจากกลุ่มการเมืองในพื้นที่ และมองว่าเป็นพิธีกรรม

ในยุค คสช. เมื่อครั้งการจัดเวทีเสวนาชี้แจงความสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้ชื่อ มหกรรมการสร้างการตระหนักรู้ต่อยุทธศาสตร์ชาติ หรือ Big Bang อนาคตไทย อนาคตเรา เมื่อ 30 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2562

การจัดเวทีเสวนาในครั้งนี้ “ขุนพลระดับมันสมองข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์” ประเมินผลลัพธ์ของความคาดหวังอยู่ที่ประชาชน เมื่อมีเสียงสะท้อนกลับมาว่า รัฐบาลไม่เข้าถึงประชาชน การจัดเวทีเสวนาในครั้งนี้ก็จะเป็นอีก 1 วิธี

“อย่างน้อยต้องจัดให้ครบ 6 ภูมิภาค หรือมีอีก 1 วิธี คือ คิกออฟพร้อมกันที่กรุงเทพฯ และ conference ไปยังอีก 6 ภูมิภาค โดยให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับแต่ละภาคไปรับผิดชอบต่อ เป็นซีรีส์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง”

ส่วนจะหวังผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ เขาอ่านใจ “ประมุขตึกไทยคู่ฟ้า” ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนอยู่ครบวาระในเดือนมีนาคม 2566

เป็นบิ๊กอีเวนต์ แก้ลำ เสียง echo 3 ปี รัฐบาลไม่มีผลงาน-เข้าไม่ถึง (ใจ) ประชาชน