สุทิน เผย ข้าราชการส่งข้อมูลทุจริตของภูมิใจไทยมากที่สุด

ประธานวิปฝ่ายค้าน เผย ประชาชน – ข้าราชการ ส่งข้อมูลทุจริตของภูมิใจไทยมาให้มากที่สุด รองลงมาเป็นพรรคพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์

วันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่โรงแรมพาโค เขาใหญ่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพือ่ไทย เราจะยื่นหลังกฎหมายลูกผ่านวาระ 3 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นจำเลยที่ 1 กรอบเนื้อหา 7 กรอบ 1.การบริหารล้มเหลว 2.การทุจริตเอื้อผลประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง

3.การจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและฝ่าฝืนจริยธรรม 4.การคุกคามเสรีภาพของประชาชน 5,การไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ และปฏิบัติล้มเหลว 6.ทำหลายระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา 7.การต่อเนื่องหลังจากที่อภิปรายมา บอกให้รัฐบาลปรับปรุงแต่ละเลย

มีประชาชนและข้าราชการได้ให้ข้อมูลทุจริตเพิ่มเติมมาตลอด เป็นครั้งแรกที่พรรคร่วมรัฐบาลได้มีท่าทีไม่เป็นเอกภาพ และมีท่าทีตรงกันข้ามกับรัฐบาล และในบรรดาข้อมูลที่ประชาชนส่งเข้ามา เยอะที่สุดคือ รมว.กลุ่มภูมิใจไทย มากที่สุด และจะมากขึ้นด้วยรองลงมาคือพรรคพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ กลุ่มใกล้เคียงกัน นอกนั้นพรรคร่วมอื่นๆ และข้อมูลเหล่านี้ เราได้ตรวจสอบกลั่นกรองในการอภิปรายงบประมาณ เชื่อว่า มีหลายจุดที่เราจับตาดูว่ากำลังไปสนองพฤติกรรมทุจริต เอื้อพวกพ้องชัดเจนในการจัดงบประมาณ

ขณะที่เรากำลังเขียนญัตติ มีสิ่งหนึ่งที่ตนกังวล หลายปัจจัยเป็นปัจจัยที่เอื้อให้เป็นไปได้สูงว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเรื่องวาระ 8 ปี วันนี้ไม่มีคำอธิบายที่จะอยู่ต่อ และเป็นไปได้สูงว่ามีอันเป็นไปก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้พรรคฝ่ายค้านจึงเร่งเขียนญัตติ จะยุบหรือลาออกก็ตาม เราอยากให้มีการตอบอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วค่อยไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีคว่ำ พ.ร.บ.งบประมาณไปเลยหรือไม่ เพราะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า เรายังไม่มีมติร่วมกัน แต่ในวิธีปฏิบัติ เราถือว่าเรื่องกฎหมายงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญในการบริหารบ้านเมือง แต่ต้องดูว่าผู้ที่นำงบประมาณไปใช้ จะไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนหรดืไม่

ถ้าเราเห็นว่าผู้นำงบประมาณไปใช้ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน พรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะนำมาหารือต่อไป แต่เราให้เป็นสิทธิของแต่ละพรรคในการลงมติ เพราะแต่ละพรรคมีเหตุผลอยู่ ส่วนกฎหมายลูก 2 ฉบับ เราต้องสนับสนุนให้ผ่านสภา ในวาะที่ 2 และ 3 ดูแล้วน่าจะได้รับการสนับสนุนและการเห็นชอบให้ผ่านสภา

นพ,ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการอยู่ในตำแหน่งครบ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ นั้น เวลาที่เหมาะสมที่เราได้หารือในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมถึงฝ่ายกฎหมายของแต่ละพรรค และคณะทำงานของผู้นำฝ่ายค้าน ได้ให้ข้อแนะนำและเป็นที่ยุติว่า เราจะใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย

โดยจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับผ่านวาระ 3 ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน จากนั้นอีก 3 สัปดาห์จึงจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างเร็วที่สุด ซึ่งจะตกอยู่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม หรือ กลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเวนลาเหมาะสมที่สุดที่ ส.ส.เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาการขาดคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะถ้าช้ากว่านี้ก็จะเกิดความเสียหายกับประเทศชาติบ้านเมืองได้ หากศาลรัฐธรรมนูญ ไปวินิจฉัยหลังวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็นเวลาที่ครบ 8 ปี

เมื่อถามว่า หากนายกฯ หลุดจากตำแหน่งไปโดยไม่มีการยุบสภา จะเสนอนายกฯ ในบัญชีพรรคการเมืองของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีสิทธิเสนอแคนดิเดตนายกฯ ของเราคือนายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะเสนอแข่ง แต่ยังต้องไปปรึกษาหารือกันในพรรค