เปิ้ล นาคร เล่า “ชัชชาติ” ผ่านวิกฤตเลี้ยงลูกชายบกพร่องทางการได้ยิน

ชัชชาติ กับลูกชาย

เปิ้ล นาคร เล่าความประทับใจผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เผยเคยฟัง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ในคอร์สอบรมการเป็น leadership ยกประสบการณ์เลี้ยงลูกชายบกพร่องทางการได้ยิน แสดงให้เห็นถึงภาวะการเป็นผู้นำที่ต้องจัดการวิกฤตชีวิต

วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังได้รับชัยชนะขาดลอยในศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปี 2565 ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ด้วยคะแนนถล่มทลาย ชนะคู่แข่งทั้ง 50 เขตในพื้นที่ กทม. ด้วย 1,386,215 คะแนน จากจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิที่มาแสดงตนขอรับบัตรเลือกตั้ง จำนวน 2,673,696 คน

ล่าสุด นายนาคร ศิลาชัย หรือ เปิ้ล นาคร นักแสดงชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Ple Nakorn ฝากถึงนายชัชชาติ ระบุว่า เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วได้มีโอกาสเข้าลงเรียนคอร์สนึงที่มีชื่อว่า ABC คอร์สนี้จะเป็นคอร์สที่คนลงเรียนส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ จะได้มาเรียนรู้ได้ทำ Workshop ได้ฟังผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการบริหาร ธุรกิจ ศิลปะ ฯลฯ จากคนเก่งเบอร์ต้น ๆ จากทั่วประเทศ

ในมุมมองอันหลากหลาย…วันหนึ่งได้มีโอกาสรู้จักกับผู้ชายคนนึงที่ชื่อ…ชัชชาติ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้จักเลยว่าเค้าคือใคร รู้แต่ว่าเป็นนักธุรกิจนักบริหารที่ประสบความสำเร็จตามที่ทางคอร์สที่แจ้งมา สิ่งที่ผู้ชายที่ชื่อชัชชาติต้องมาเล่าให้กับนักเรียนในคอร์สวันนั้นฟังคือเรื่องของภาวะการเป็นผู้นำ หรือ leadership เราก็กะว่าคงเป็นเหมือนการทอล์กแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จท่านอื่นทำแต่กลับไม่ใช่

ชัชชาติคนนั้นไม่ได้พูดถึงเรื่องของหลักการใด ๆ ในการเป็น leadership เลย แต่กลับเล่าอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของภาวะวิกฤตที่ยากที่สุดในชีวิตที่กว่าเค้าฝ่าฝันและจัดการกับมันไปได้ นั่นก็คือ เรื่องของลูกชายสุดที่รัก ที่เกิดมาแล้วเมื่อตอนอายุ 1 ขวบ ค้นพบว่า เป็นเด็กที่ไม่สามารถรับรู้ทางการได้ยินได้ นั่นหมายความว่าจะเป็นใบ้ไปตลอดชีวิต เราก็นั่งฟังด้วยความสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับ leadership

แกก็เล่าไปเรื่อย ๆ ว่าครั้งนั้นเองทำให้เกิดการตัดสินใจแบบเปลี่ยนชีวิต หลังจากที่เขาทำธุรกิจประสบความสำเร็จมาหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่บริหาร เรื่องการเมืองที่ทำ เขาประสบความสำเร็จมาหมด ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงขาขึ้นในชีวิตผู้บริหาร แต่กลับเลือกหยุดงานทั้งหมดเพื่อมาจัดการกับวิกฤตในชีวิตครอบครัวที่ตอนนั้นเขาทุกข์ใจมาก

เขาบอกว่าการเป็นผู้นำต้องมีการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในทุกภาวะวิกฤตว่าเราจะเลือกจัดการกับวิกฤตที่เกิดขึ้นในชีวิตอะไรเป็นอันดับแรก สิ่งหนึ่งที่ตัดสินใจคือการเลือกที่จะออกจากงานทุกอย่าง แล้วมาจัดการกับสิ่งที่ตัวเองรักที่สุดในชีวิต

เขาเริ่มพาลูกไปทำการรักษากับหมอที่ดีที่สุดที่ประเทศออสเตรเลีย ยกไปอยู่กันทั้งครอบครัว เพื่อจัดการกับวิกฤตในชีวิตนี้ผ่านมันไปให้ได้ ทางคุณชัชชาติเองก็เริ่มเรียนรู้ร่วมศึกษาต้นตอปัญหาไปกับหมอร่วมรักษาให้ลูกได้รับรู้ได้ฟังได้พูดเหมือนคนปกติทั่วไปให้ได้ พ่อแม่ต้องมุ่งมั่น อดทนมันทรมานมากในการจัดการต่อสู้กับธรรมชาติซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

หลาย ๆ สิ่งที่ท่านพูดในชั่วโมงนั่นมันมีมากกว่าที่เราจะบรรยายได้ทั้งหมด…..ในการที่จะต้องอดทนทุกวัน ทุกวัน “ทำงานอย่างหนัก และต้องไม่ท้อถอย” เป็นเดือนเป็นปี ในการที่ต้องทำตามที่คุณหมอบอก จนในที่สุดลูกชายแสนดีก็กลับมาได้ยินเหมือนคนปกติทั่วไป แล้วได้เข้าเรียน ที่ University of Washington สหรัฐอเมริกา

นั่นหมายความว่าวิกฤตที่สุดในชีวิตของเค้า เค้าได้จัดการกับมันได้ สิ่งที่เขาสอนเราในวันนั้นคือภาวะการเป็นผู้นำต้องสู้ จัดการกับทุกวิกฤต เรียงลำดับความสำคัญก่อนที่จะลงมือทำเป็นขั้นตอน นี่คือวิสัยทัศน์ของผู้ชายที่ชื่อชัชชาติ เมื่อ 7 ปีที่แล้วที่เรามีโอกาสรู้จัก แล้วก็เป็นตัวอย่าง เป็นต้นแบบของการเป็นผู้นำครอบครัวให้กับเรา

เชื่อว่าสิ่งที่ท่านกำลังจะทำต่อจากนี้ไปน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรจะใหญ่ไปกว่าพลังแห่งความรักที่ท่านทำให้กับคนที่รักที่สุดมาแล้ว….

หลังจากที่ท่านเล่าเรื่องทั้งหมดจบท่านชัชชาติก็ได้ลุกขึ้นพร้อมผายมือไปหลังห้องแล้วพูดว่า “และวันนี้ผมยินดีมากที่ได้พูดเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้ทุกคนได้ยินไปพร้อม ๆ กันกับแสนดีลูกชายของผมที่มานั่งร่วมรับฟังเป็นครั้งแรกอยู่ในห้องนี้ด้วย….”

..แล้วแสนดีก็วิ่งลงมากอดพ่อพร้อมตีมือกันแบบฮิปฮอปที่หน้าห้อง พร้อมกับทุกคนลุกขึ้นยืนโดยมิได้นัดหมาย เสียงปรบมือและน้ำตาของเราและหลาย ๆ คนในห้องต่างไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว…

ขอแสดงความยินดีกับพี่ชัชชาติ ผู้ว่าฯคนใหม่ของพวกเราชาว กทม. นักเรียนคนนึงในห้องเรียน ABC……นาคร ศิลาชัย See less