ชัชชาติ ไฟแรง สั่งข้าราชการ กทม. อ่านนโยบาย 213 ข้อ มั่นใจอยู่ครบ 4 ปี

ชัชชาติ อาสาเป็นผู้นำแห่งความหวัง ฝากข้าราชการศึกษานโยบาย 213 ข้อ นโยบาย 50 เขต เพราะประชาชนเลือกมา มั่นใจ อยู่ครบ 4 ปี ถ้าไม่มั่นใจไม่เสนอตัว พร้อมสานต่อสิ่งที่ “อัศวิน” ทำไว้

วันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ที่สเตเดียมวัน เขตปทุมวัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขึ้นเวทีแถลงเป็นครั้งแรกหลังมีคะแนนนำทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่นว่า ท่านแรกที่โทร.มา คือนานยสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ก็รับปากว่าจะทำงานร่วมกับ ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ คนที่สองคือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร โทรมาแสดงความยินดี ถ้าเรามีโอกาสร่วมงานกับ ส.ก.ก้าวไกล

ซึ่งนายวิโรจน์ก็ยินดีทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของชาว กทม. มีการฝาก 12 นโยบาย ทำ กทม.ให้มีคุณภาพ ซึ่งเป็นมิติที่ดี เราต้องก้าวข้ามความแตกแยก สุดท้ายต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องเดินไปด้วยกัน เราได้รับว่าจะทำให้ กทม.เดินหน้าไปได้

วันนี้เป็นวันที่มีความหมายสำหรับผมส่วนตัว เมื่อ 8 ปีที่แล้วอยู่ในเหตุการณ์รัฐประหาร ถูกคลุมหัว มัดมือ ถูกนำตัวไปที่ใดก็ยังไม่รู้ เพราะเขาคลุมหัวไปและกลับ แต่ไม่ได้รู้สึกโกรธ แค้น หรือ เกลียด ให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เป็นความทรงจำที่เตือนใจเรา เมื่อไหร่ที่ประชาชนทะเลาะ เกลียด โกรธ ซึ่งกันและกัน สุดท้ายจะมีกลุ่มคน ที่มาได้ผลประโยชน์ เราเห็นต่างกันได้ แต่โกรธ อย่าเกลียด สร้างความเกลียดชังซึ่งกันและกัน”

ถ้ามีโอกาสเป็นผู้ว่าฯ กทม. หาก กกต.รับรอง พร้อมเป็นผู้ว่าฯ สำหรับคนทุกคน ไม่ว่าจะเลือกผมหรือไม่เลือกผมก็ต้องรับใช้ทุกคนเหมือนกัน เพราะถือว่าเป็นตัวแทนของคน กทม. อนาคตต่อไปเรามาเดินร่วมกัน เห็นต่างกันได้ แต่อย่าเกลียดกัน ทะเลาะกัน

เมื่อผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย คนไหนได้สิทธิมาดูแลประชาชนก็ต้องดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่มีความหวัง มีความสวยงาม มีคุณค่ามากมาย แต่ที่ผ่านมามีเหตุการณ์หลายๆ เรื่องที่ทำให้เพชรเม็ดนี้ไม่ได้เจียรนัยอย่างต่อเนื่อง

“ผมอาสาเป็นผู้นำแห่งความหวัง ขอให้เดินร่วมกันไป เราเห็นต่างได้ แต่เราอย่าเกลียดกัน โกรธกัน สุดท้ายคุยกันด้วยเหตุผล และพร้อมที่จะเดินกับประชาชนทุกคน เราทำ กทม.เป็นมหานครที่สวยงาม ที่คนอยู่และมีความสุข เป็นมหานครที่ทุกคนเดินไปพร้อมๆ กัน ทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนได้” นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ตื้นตันใจ พูดไม่ออก ถ้าดูตอนนี้ก็เป็นเหมือนคำสั่งให้เราเป็นตัวแทนของผู้สมัครทั้ง 31 คน คิดถึงหลายท่าน ที่ดีเบตด้วยกันหลายครั้ง ยังชวนท่าน นายสุชัชวีร์ นายวิโรจน์ กินข้าวกัน และเราได้สิ่งดีๆ หลายอย่าง คิดเรื่องไวไฟฟรี สวัสดิการเพิ่มเติม คิดเรื่องการหารายได้ของนายสกลธี ภัทธิยกุล คิดเรื่องการทำโครงการที่ดีอยู่แล้ว ทำต่ออย่างไรของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง

ผู้สมัครฯ ทุกท่านมีข้อดีที่น้อมรับมา และนำมาเป็นนโยบาย ของเราไม่ดีครบถ้วน แต่เราเอานโยบายทุกคนมารวมกัน และเป็นนโยบายที่ทำงานร่วมกับ ส.ก.ทุกคนด้วย นี่คือสิ่งสำคัญที่เดินไปด้วยกัน เราบอบช้ำมาเยอะสำหรับกรุงเทพฯ และประเทศไทย

เชื่อว่าเมืองไทยมีพลัง มีความหวังอยู่มากมาย ขอให้ร่วมใจ รอ กกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการ. ทั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่าพลังอิสระ อาสาสมัครที่มารวมตัวกัน 2 ปีครึ่งที่แล้ว มาถึงวันนี้ จากการที่ไม่ต้องเป็นนักการเมือง เป็นอิสระ เชื่อว่าสามารถทำการเมืองได้ และมีพลังไม่น้อยกว่าพรรคการเมือง

นายชัชชาติ กล่าวว่า สิ่งแรกที่อยากทำ ฝากข้าราชการ กทม.ทั้งหมด ช่วยไปอ่านนโยบายทั้งหมดในเว็บไซต์ 213 ข้อ และนโยบายรายเขต 50 เขต กรุณาอ่านให้ละเอียด นี่คือส่งที่ประชาชนเขาต้องการผ่านการเลือกตั้ง ถ้าอ่านไม่เข้าใจก็มาถาม หรือไม่เห็นด้วยตรงไหนคุยกัน เป็นจุดเลี้ยวจุดเริ่มที่ต้องเดินไปด้วยกัน หากไม่เห็นด้วยก็ให้มาคุยกัน แต่ขอให้ศึกษานิดหนึ่งจะได้เข้าใจ

และมั่นใจว่าจะอยู่ครบวาระ 4 ปี ถ้าเราไม่มั่นใจเราไม่เสนอตัว เวลาเราบริหารไม่ใช่หลับหูหลับตาไม่ฟังประชาชน ดังนั้น เรามีระบบที่ฟังประชาชนตลอดว่าเขาต้องการอะไร นโยบายต้องเปลี่ยนหรือไม่ มีระบบที่ประเมิน ผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขต ถ้าหากไม่ฟังประชาชน ทู่ซี้ ประชาชนทนไม่ไหวก็จะอยู่ลำบาก

ส่วนจะประสานงานกับรัฐบาลได้หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า “ผมว่าผู้ว่าฯ กทม. ได้คะแนนเสียงมากกว่านายกฯ อีกนะ ไม่ได้ท้าทาย แต่เราเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้คุยด้วยอารมณ์ หรือ ทะเลาะกัน แต่เมื่อ ประชาชนเลือกเรามา ก็ต้องใช้เหตุผล และการคุยกันก็ต้องมีระบบระเบียบ ขั้นตอน แต่อย่างที่บอก ประชาชนเลือกมา เราประชาชนเป็นที่ตั้ง”

นายชัชชาติ กล่าวถึง พล.ต.อ.อัศวินว่า ขอบคุณที่ดูแล กทม.มา 5 ปี 5 เดือน 5 วัน โครงการไหนที่ดีทำต่อ ไม่มีปัญหา ไม่ใช่จะมาล้างอะไร อันไหนปรับปรุงก็จะปรับปรุงให้ดีขึ้น ป้ายรถเมล์ที่ทำไว้ดี ก็จะขยายต่อไปในหลายจุด หรือ การทำคลองในบางจุดก็ขยายวิธีทำไปคลองอื่น ทุกคนมีจุดดี เอาจุดดีทำต่อ จุดไหนปรับปรุงก็ดีอีกครั้งหนึ่ง


“เราไม่มีขั้วการเมือง ประชาชนก็ไม่มีขั้ว สุดท้ายแล้วขั้วการเมืองตั้งมาเพื่อผลประโยชน์ของคนบางคน แต่ถามว่าประชาชนจะเลือกใครเป็นสิทธิของประชาชน อย่าไปแบ่งคนไป 0 กับ 1 ซ้ายกับขวา ไม่มีประโยชน์ทำให้แตกแยก คำว่าขั้วเป็นการแบ่งคน อย่างน้อย กทม.อย่ามีขั้วเลย ขัดแย้งได้แต่อย่าโกรธมีขั้วกัน เป็นเรื่องที่ดี” นายชัชชาติ กล่าว