ประวิตร เคาะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนใต้ ครั้งที่ 68 อีก 3 เดือน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ประวิตรเคาะขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งที่ 68 อีก 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มิ.ย.-19 ก.ย. 2565 ไฟเขียวปรับลด อ.ยะหริ่ง ออกจากพื้นที่ประกาศฉุกเฉิน

วันที่ 2 มิถุนายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 2/2565 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมีมติรับทราบตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) รายงานผลการดำเนินงานตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วง 20 มี.ค.-5 พ.ค. 65 ซึ่งภาพรวมสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีแนวโน้มลดลง ประชาชนในพื้นที่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยดี ประกอบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถปฏิบัติงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท

“ที่ประชุมยังได้รับทราบ ความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามแผนปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดพื้นที่ต่อเนื่อง และได้เห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เนื่องจากผ่านเกณฑ์การประเมิน และนำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาบังคับใช้แทน เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมาย” พล.ท.พัชร์ชศักดิ์กล่าวว่า

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์กล่าวว่า พร้อมทั้งได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง อ.ไม้แก่น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มิ.ย.-19 ก.ย. 65 (ครั้งที่ 68) เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยังคงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป

“พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และขอบคุณประชาชนในพื้นที่ จชต.ที่มีความเข้าใจ และให้ความร่วมมือ/ร่วมใจ เป็นอย่างดียิ่ง

พร้อมทั้งยังได้กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้เข้มงวดงานด้านการข่าว และเฝ้าระวังพื้นที่ปรับลด ซึ่งอาจถูกใช้เป็นแหล่งหลบซ่อนและพักพิงของกลุ่มผู้ก่อเหตุ และให้คงบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจประชาชนต่อเนื่อง รวมทั้งให้เตรียมแผนการปรับลดพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม เพื่อรองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป” พล.ท.พัชร์ชศักดิ์กล่าว