นฤมล หัวหน้าทีมนโยบายพลังประชารัฐ : ปฏิรูปเศรษฐกิจไทยต้องกล้ารื้อที่ราก

นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
นฤมล ภิญโญสินวัฒน์

“นฤมล” หัวหน้าทีมนโยบายพลังประชารัฐชี้ 40% ของประชากรไทย – 26.9 ล้านคน มีรายได้ไม่ถึง 5,344 บาทต่อคนต่อเดือน แนะปฏิรูปเศรษฐกิจไทยต้องกล้ารื้อที่ฐานราก-กล้าตั้งเป้าพ้นกับดักความยากจน นับ 1 Up-skill เกษตรกร โยก 10% มุ่งอุตสาหกรรมรายได้สูง ใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรมเพิ่มผลผลิต-เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ปิดความเสี่ยงความมั่นคงทางอาหาร

วันที่ 22 มิถุนายน 2565 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐและหัวหน้าทีมนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันนี้ได้หารือกับ ส.ส. ชวน ชูจันทร์ และทีมเศรษฐกิจฐานรากของพรรค

สถานการณ์ช่วงนี้เศรษฐกิจเปราะบางมาก การให้ความสำคัญกับฐานรากเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากล้ม เศรษฐกิจไทยก็ยากที่จะเติบโตอย่างเข้มแข็ง

ระบบเศรษฐกิจฐานราก เป็นระบบเศรษฐกิจแนวราบที่ส่งผลและสร้างความสัมพันธ์ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างผู้คนในชุมชนท้องถิ่น มิใช่เศรษฐกิจแนวดิ่งแบบปัจเจก เศรษฐกิจฐานรากสามารถทำให้เกิดความร่วมมือ เกิดโอกาสและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเศรษฐกิจร่วมของชุมชนกับเศรษฐกิจของปัจเจก เป็นระบบเศรษฐกิจที่มีลักษณะความร่วมมือเป็นหุ้นส่วนสร้างความสัมพันธ์ ทั้งในชุมชนท้องถิ่นและในระดับที่กว้างขวางอื่น ๆ และภายนอก

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ทำให้ชุมชนของเราเข้มแข็ง ต้องมองแบบองค์รวมในทุกมิติ

กลุ่มคน 40% ของประชากรไทย หรือ 26.9 ล้านคน มีรายได้ไม่เกิน 5,344 บาทต่อคนต่อเดือน สัดส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้เป็นเกษตรกร

ภาคเกษตรยังถือเป็นแหล่งสร้างงานอันดับ 1 ของประเทศ ประมาณ 34% ของแรงงานไทยมีอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งถือเป็นรากฐานของประเทศไทย แต่รายได้ภาคการเกษตรมีสัดส่วนเพียง 10% ของ GDP
โครงสร้างแบบนี้สะท้อนว่าคนส่วนใหญ่ที่ฐานรากของประเทศติดอยู่ในกับดักความยากจน ผลตอบแทนไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ทำให้มีปัญหาหนี้สิน ตามมาด้วยปัญหาในครัวเรือนและสังคม

หากจะปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ต้องกล้ารื้อที่ฐานราก ต้องกล้าตั้งเป้าหมายว่าเกษตรกรไทยต้องพ้นกับดักความยากจน เริ่มที่ต้องกล้าตั้งเป้าลดสัดส่วนคนในภาคการเกษตร โยกคนประมาณร้อยละ 10 ไปในอุตสาหกรรมที่รายได้สูงกว่าพร้อมแผนปรับทักษะ

ถึงแม้จำนวนคนในภาคการเกษตรลดลง จะไม่เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางอาหาร ถ้าเราใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยเพิ่มผลผลิต ต่อยอดด้วยนวัตกรรมการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร และยึดโยงเข้ากับเศรษฐกิจฐานราก และหัวใจสำคัญ ต้องใช้การตลาดนำการผลิต ไม่ใช่ปล่อยให้ผลผลิตออกมาเหมือนกันและพร้อมกัน เกินความต้องการของตลาด ทำให้ราคาต่ำ ไม่คุ้มต้นทุน แล้วมารอแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ด้วยการชดเชยเยียวยาในรูปแบบการประกันราคาหรือการจำนำ ซึ่งสิ้นเปลืองมาก

วันนี้ประเทศไทยกำลังเจอกับวิกฤตเชิงซ้อน เงินเฟ้อ ของแพง รายได้น้อยและคงที่ การแก้ไขเศรษฐกิจที่ระดับมหภาคไม่เพียงพอ

ต้องแก้ที่ฐานรากแบบคู่ขนาน จึงจะนำไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

พรรคพลังประชารัฐจะเร่งดำเนินการ ผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อเร่งแก้และตอบโจทย์ปัญหาให้เศรษฐกิจฐานรากและชุมชนอย่างยั่งยืน