สุนทร รักษ์รงค์ ลาออกประชาธิปัตย์ จ่อซบ ประวิตร พลังประชารัฐ

สุนทร รักษ์รงค์ ลาออกประชาธิปัตย์ จ่อซบ ประวิตร พลังประชารัฐ

สุนทร รักษ์รงค์ ลาออกประชาธิปัตย์ จ่อซบ ประวิตรเชื่อมั่นพรรคพลังประชารัฐ มีอำนาจรัฐ-อำนาจนโยบาย สามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้

วันที่ 27 มิถุนายน 2565 นายสุนทร รักษ์รงค์ เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สคยท.) และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดใจผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่อง MCOT HD 30 ถึงกรณีการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เคมีไม่ตรงกันว่า ตนเองเคลื่อนไหวทางการเมืองมายาวนานกว่า 30 ปี เมื่อตัดสินใจเข้าสู่พรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น เพราะมองว่าสังคมไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เมื่อครั้งที่เข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนั้นมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค โดยให้ความคิดเห็นว่า หากต้องdารให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาฟื้นอีกครั้งต้องทำนโยบายที่กินได้เท่านั้น ซึ่งเป็นที่มาของการทำนโยบายยางพารา

“คำว่าเคมีไม่ตรงกัน เมื่อเกิดการดิสรัปชัjน มีพรรคอนาคตใหม่ พรรคคนรุ่นใหม่ ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ปรับตัวไม่ทัน เมื่อปรับตัวไม่ทัน ผมจึงเสนอข้อคิดเห็นในฐานะสมาชิกพรรคให้พรรคทบทวนจุดแข็ง จุดอ่อน แต่ว่าวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 78 ปี เปรียบเหมือนบ้านสองชั้น เป็นบ้านหลังเก่าที่เชื่อกันว่ามีตอม่อ และมีเสาที่แข็งแรง แต่ความเป็นจริง วันนี้หลังคารั่ว ฝาผุ”

นายสุนทรระบุต่อว่า ตนเองเมื่ออยู่ที่ไหนจะรักที่นั่นจะพยายามซ่อม แต่ท้ายที่สุดกลับเป็นเรื่องยาก เนื่องจากไม่ให้ความร่วมมือ

เมื่อถามว่าการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ย้ายขั้วพรรคการเมืองของนายสุนทรเพราะน้อยใจที่พรรคไม่ให้ลงรับสมัครเลือกตั้งอำเภอชะอวด อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค นายสุนทรตอบยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ไร้วุฒิภาวะขนาดนั้น

ส่วนเรื่องที่มีการเสนอตัวแล้วมีการปะทะกัน แต่ท้ายที่สุดในวันนี้ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเสียดายที่ตนเองลาออกมา โดยพรรคจะมีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในเดือนสิงหาคม

นายสุนทรกล่าวต่อว่า วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองมีแน่นอนหรือไม่ ตนเปิดตัวลงรับสมัครตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ดังนั้นเมื่อพรรคมีการใช้เวลาทำโพลล์ในเดือนสิงหาคม ส่วนตัวคิดว่าระยะเวลาไม่ทัน พร้อมทั้งกล่าวต่อไปว่า “ผมก็มีสิทธิ์คิดว่ากระบวนการลากเกียร์ ลากเกม”

นายสุนทรกล่าวยกตัวอย่างว่า พรรคมีการพิจารณาในเดือนกันยายน – ตุลาคม หากลงสมัครรับเลือกตั้งมีเวลาในการหาเสียงในพื้นที่ระยะเวลาไม่มาก หากไม่มีการเคาะก็ไม่สามารถหาพรรคใหม่ได้ เสี่ยงภัยทางการเมืองเกินไป ขณะที่พรรคอื่น ๆ มีการเปิดตัวผู้สมัครแล้วกว่า 4 – 5 เดือน

เมื่อถามว่า ส.ส.เขตที่นายสุนทรต้องการจะลงรับสมัครเลือกตั้ง เป็นพื้นที่เดียวที่ทับซ้อนกับนายชัยชนะ เดชเดโช นายสุนทรตอบว่า อาจมีความทับซ้อนกัน

เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ยอมให้นายสุนทร ลงรับสมัครเลือกตั้งในพื้นที่ที่ต้องการแม้จะไม่มีการปรับปรุงพรรคตามข้อเสนอตามแนวทางที่นายสุนทรเสนอ จะยังอยู่กับพรรคต่อไปหรือไม่ นายสุนทรกล่าวว่า ตนเองเป็นน้องเล็ก ในเขต ตนได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่อย่างชัดเจนว่า ตนเองไม่มีเงื่อนไขเรื่องเขต ขอเป็น 1 ใน 9 เขต แต่วันนี้เมื่อมีความไม่ชัดเจนเกิดขึ้น จนตัดสินใจลาออก

เมื่อถามว่า เหตุใดขั้วอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์ไม่เลือก นายสุนทรยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งใด ๆ กับนายชัยชนะ เป็นพี่น้อง พร้อมทั้งกล่าวต่อไปว่า “เราต้องเข้าใจว่านายชัยชนะถูกหล่อหลอมมาจากวงของสุนัขจิ้งจอก… ภาษานักเลงก็จะรู้ว่าเขาทำตัวเหยาะแหยะไม่ได้ ดังนั้นเขาจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว ข่มขู่ แต่ว่ากับผมไม่ ผมใช้เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และพยายามสานพลังกับน้องให้ได้ วันนี้เมื่อเราไปย้อนดูบทสัมภาษณ์พบว่า นายชัยชนะมีความเติบโตทางวุฒิภาวะทางอารมณ์และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ที่เราสามารถมีส่วนช่วยในการขัดเกลาภายใต้สังคม”

เมื่อถามว่าเตรียมย้ายเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสุนทรตอบว่า สถานะขณะนี้ ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และวันนี้ยังไม่เป็นสมาชิกพรรคใดเลย พร้อมทั้งยอมรับว่ามีการพูดกับพรรคการเมืองมากกว่า 4-5 พรรค ซึ่งรวมถึงพรรคพลังประชารัฐด้วย มองว่าจะเข้าพรรคใดนั้น พรรคนั้นทำหน้าที่ในการสนองต่อการแก้ปัญหา เช่น ปัญหาปากท้องประชาชน

“คือตอนนี้ในใจผม ไม่ใช่เป็นคำตอบเขา วันนี้ยอมรับว่าเชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ น่าจะเป็นทางเลือกที่ทั้งเชิงอำนาจรัฐและอำนาจนโยบายที่สามารถตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ โดยเฉพาะพี่น้องชาวเกษตรกร”