ประวิตรไฟเขียวโรงไฟฟ้าประชารัฐจังหวัดชายแดนใต้

ประวิตร

ประวิตร ไฟเขียว โรงไฟฟ้าประชารัฐ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อนุมัติ 265 ล้านบาท จากเงินกองทุนส่งเสริมและอนุรักษ์พลังงาน ขยายพื้นที่ปลูกพืชพลังงาน

วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) เพื่อความมั่นคง ครั้งที่ 1/65 โดยที่ประชุมรับทราบ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผลักดันกระจายอำนาจ การบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่นำร่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.)

ด้วยโครงการบริหารจัดการไฟฟ้าครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลและชีวภาพ เน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน มุ่งเน้นความมั่นคงพลังงานยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงาน สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้กลไกโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกขนาดเล็ก/เล็กมาก เป็นเครื่องมือการพัฒนา แก้ปัญหาเชิงระบบและครบวงจร

ต่อจากนั้น ได้ร่วมพิจารณาและเห็นชอบ แนวทางการดำเนินโครงการ “โรงไฟฟ้าประชารัฐ” สำหรับพื้นที่ จชต. เพื่อส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน และเชื่อมโยงเกษตรกรรมฐานราก ผ่านพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และเป็นพื้นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนทั้งระบบ โดยมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวงพลังงานร่วมขับเคลื่อนอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมอบหมายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า)  กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

พร้อมทั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบ การจัดสรรโควตาพลังงานไฟฟ้าคงเหลือ ให้กับแผนขับเคลื่อนโครงการไฟฟ้าในพื้นที่ จชต. โดยมอบให้ กระทรวงพลังงานพิจารณาโควตาที่เหมาะสม และจัดสรรงบประมาณ จากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รวม 265 ล้านบาท เพื่อนำไปส่งเสริมและสนับสนุนการขยายพื้นที่ปลูกพืชพลังงาน รองรับโครงการโรงไฟฟ้าจังหวัด ในปี 2566-2567

โรงไฟฟ้าประชารัฐ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โครงการริเริ่มนำร่องดังกล่าว มีเป้าหมายสำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนแบบมีส่วนร่วมในพื้นที่ 5 จชต. (รวมสงขลาและสตูล ) จึงต้องร่วมกันเร่งผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงาน และพืชอาหารสัตว์เป็นวงกว้าง ร่วมกับการส่งเสริมงานปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ที่นำไปสู่วิสาหกิจชุมชนและอุตสาหกรรมแปรรูปตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จชต.

“ต้องพยายามให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาลระดับโลกให้ได้ และที่สำคัญการจัดให้มีกองทุนโรงไฟฟ้าเพื่อชุมชน จะส่งเสริมการประกอบพิธีทางศาสนา และการศึกษาที่เชื่อมโยงอาชีพและความต้องการของประชาชนในพื้นที่มากขึ้น พร้อมกำชับ ให้ พง.และ ศอ.บต. พิจารณาสนับสนุนการใช้พืชพลังงาน เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า เพื่อแรงจูงใจดึงภาคเอกชนร่วมพัฒนาพื้นที่ ที่มีปัญหาด้านความมั่นคง ด้วยความจริงใจและเข้าใจร่วมกัน” พล.อ.ประวิตรกล่าว