แม้ว่าผู้มีอำนาจกลับหลังหัน เปลี่ยนความคิดแบบ 180 องศา จากกดปุ่มสั่งการให้รัฐสภาโหวตหารสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากหาร 100 มาเป็น 500 เวลาผ่านมาแค่ 2 สัปดาห์ เกิดเปลี่ยนใจ อยากกลับไปใช้สูตรหาร 100 อีกแล้ว เผลอ ๆ อาจจะหันกลับไปแก้รัฐธรรมนูญ มาใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวอีกรอบ
แต่ก่อนอื่น เมื่อเรื่องราวบานปลาย รัฐสภาโหวตเดินหน้าหาร 500 ไปแล้ว ก็ต้องเดินหน้าให้สุด หนทางข้างหน้าจะว่าอย่างไร ค่อยมาปรับสูตรกันใหม่ โดยยึดร่างแก้ไขเพิ่มเติมสูตรหาร 500 ของ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ มาเป็นร่างหลักในการพิจารณา
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ทั้งนี้ สูตรการคำนวณ ส.ส.ตามสูตรหาร 500 ของหมอระวี มีดังนี้
1.นำคะแนนรวมทุกพรรคจากบัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 คือจำนวน ส.ส.ทั้งหมด จะได้ค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน
2.นำคะแนนของแต่ละพรรค หารด้วยคะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน จะได้จำนวน ส.ส.พึงมี ที่แต่ละพรรคจะได้
3.นำจำนวน ส.ส.พึงมีที่แต่ละพรรคได้ลบกับจำนวน ส.ส.เขต ก็จะได้ตัวเลข ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคนั้น ๆ
4.ถ้าพรรคการเมืองใดได้ ส.ส.แบ่งเขต เท่ากับหรือสูงกว่าจำนวน ส.ส.พึงมี ให้พรรคการเมืองนั้นมี ส.ส.ตามจำนวนที่ได้รับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
และให้นำจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มี ส.ส.แบ่งเขตต่ำกว่าจำนวน ส.ส.พึงมีที่พรรคนั้นควรได้ ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่ทำให้พรรคการเมืองนั้นได้ ส.ส.เกินจำนวน ส.ส.พึงมี
5.ถ้าในกรณีที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน ให้พรรคการเมืองที่มีเศษจากการคำนวณมากที่สุดได้รับการจัดสรร จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 1 คน ตามลำดับจนครบจำนวน 100 คน
ในกรณีที่คำนวณแล้วจำนวนเศษของพรรคการเมือง “เท่ากัน” จนไม่สามารถจัดให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อครบ 100 คนได้ ให้นำค่าเฉลี่ยคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองต่อ ส.ส.พึงมี
ต่อจำนวน ส.ส. 1 คนมาพิจารณา
พรรคไหนที่มีค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คนมากที่สุด ให้พรรคนั้นได้ ส.ส.เพิ่ม แต่ถ้าคิดค่าเฉลี่ยแล้วจำนวนยังเท่ากันให้ใช้วิธีจับสลาก
6.ถ้าคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมดแล้ว ยังเกิน 100 คน ให้ดำเนินการคำนวณปรับจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ โดยเทียบบัญญัติไตรยางศ์ ไม่ให้ ส.ส.เกิน 100 คน
แต่ในกรณีที่การประกาศผลเลือกตั้งยังไม่ครบทุกเขต แต่มีจำนวน ส.ส.ถึงร้อยละ 95 ของเขตเลือกตั้งที่จะดำเนินการเปิดประชุมสภา ให้คำนวณจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้รับการจัดสรรเบื้องต้น โดยมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมาเป็นข้อ
7.ให้นำจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่จะประกาศผลเลือกตั้ง บวกด้วย จำนวน ส.ส.100 คน
8.นำคะแนนรวมที่ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งจากบัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วยผลลัพธ์ของข้อ 1 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นคะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.พึงมี 1 คน
9.เมื่อได้ผลลัพธ์ตามข้อ 2 แล้ว จากนั้นก็ย้อนกลับไปคำนวณตามขั้นตอนข้อ 3-6 ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแบ่งเขตเพิ่มขึ้น ก็ให้มีการคำนวณใหม่ และจัดสรรจำนวน ส.ส.ให้ถูกต้องตามการคำนวณทุกครั้ง เว้นแต่พ้นเวลา 1 ปี หลังเลือกตั้ง
แต่ถ้าคำนวณแล้วมีผลทำให้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคใดลดลง ก็ให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อคนสุดท้ายของพรรคการเมืองนั้นพ้นจากตำแหน่ง ส่วน ส.ส.ที่พ้นตำแหน่งก็ให้ถือว่ายังเป็น ผู้สมัครลำดับเดิมของพรรคการเมืองนั้น
นอกจากนี้ ร่างกฎหมาย ยังระบุอีกว่า ภายใน 1 ปี หลังเลือกตั้งทั่วไป ถ้าต้องมีการเลือกตั้งซ่อมโดยการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม เมื่อ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ให้คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ เว้นแต่ เลือกตั้งด้วยเหตุอื่น เช่น ตาย ลาออก ไม่ต้องคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่
สูตรของหมอระวีจะได้ไปต่อแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการโหวตวาระ 3 ในสัปดาห์หน้า