หวั่นเวทีเอเปกวุ่น ‘สุพันธุ์’ ชี้ศึก รัสเซีย-ยูเครน จีน-สหรัฐ อาจเติมเชื้อไฟ

‘สุพันธุ์’ หวั่น ผู้นำโลกเปลี่ยนเอเปกเป็นเวทีประลองกำลัง สุมไฟขัดแย้ง-ศก.ระอุ แนะรัฐบาลประสานให้ดี มีไหวพริบ ชิงดึงลงทุน อย่ามัวทะเลาะสูตรปาร์ตี้ลิสต์

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นวิตกผลกระทบจากการเดินทางถึงไต้หวันเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนของนักการเมืองระดับสูงสุดของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี

“ส่วนตัวผมมองว่าการเดินของนางเพโลซี สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนบาดหมางมากยิ่งขึ้น และด้วยเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง อาทิ เกิดการแซงก์ชั่น รวมถึงสงครามการค้าจะรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของเศรษฐกิจโลก ทำให้ถดถอยและชะลอตัวลง และย่อมกระทบต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ของประเทศไทย ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การประชุมเอเปกของไทยอาจไม่ราบรื่นเรียบร้อยสมความตั้งใจของรัฐบาลที่คาดหวังว่าหลังการประชุมผ่านพ้นจะทำให้ไทยมีหน้ามีตาทัดเทียมนานาประเทศเพิ่มขึ้น แต่กลับกลายเป็นความวุ่นวายแทน

เพราะด้วยปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังมีอยู่ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ค่อนข้างรุนแรง เพราะจีนมองว่าการกระทำดังกล่าวของสหรัฐอเมริกาเป็นการรุกอธิปไตย เพิ่มเชื้อไฟให้เวทีการประชุมนี้ กลายเป็นสนามประลองกำลังทางด้านการเมืองของโลก

ประกอบกับในปี 2566 สหรัฐอเมริกาจะเป็นเจ้าภาพการประชุม การเข้ารับไม้ต่อของเขา อาจคิดที่จะทำอะไรตามอำเภอใจ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการประสานผลประโยชน์ให้ดี” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทยเน้นย้ำ

นายสุพันธุ์ยังกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ในวิกฤตความขัดแย้งดังกล่าว ถือเป็นโอกาสในการดึงนักลงทุนของไทย เพราะการลงทุนในจีนจะเกิดการชะลอตัวลงแน่นอน โดยเฉพาะนักลงทุนในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทั้งหมดต้องถอนการลงทุนเพื่อหาแหล่งลงทุนใหม่

ดังนั้น รัฐบาลต้องมีไหวพริบใช้จังหวะนี้ให้ดีและเร็ว หยุดทะเลาะกันแต่เรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) แบบหารด้วย 100 หรือหาร 500 และหันมาให้ความสำคัญเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ เปลี่ยนความตระหนกและผวาของประชาชน แก้วิกฤตที่จะเกิดขึ้นในเชิงลบต่อประเทศ แล้วมองหาโอกาสให้มากขึ้น เชื่อว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้เบาบางลงได้