End game “จุรินทร์” นั่งกัปตันประชาธิปัตย์ คนที่ 8 ลั่น นำทีมอเวนเจอร์ส สีฟ้าพ้นยุคมืด   

พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก่อตั้งมาแล้ว 73 ปี มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน

กำลังเข้าสู่ยุคผู้นำพรรคคนใหม่ คนที่ 8 ชื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หลังฝ่าด่านหิน เอาชนะ เบอร์ 1 อภิรักษ์ โกษะโยธิน เบอร์ 3 กรณ์ จาติกวณิช และเบอร์ 4 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ค่อนข้างทิ้งห่าง

“จุรินทร์” รับตำแหน่งท่ามกลางเดิมพันครั้งสำคัญ นอกจากฉุด ปชป.ขึ้นมาจากยุคตกต่ำ ยังมีเส้นทางระหว่าง “เขาควาย” ที่ต้องตัดสินใจ ร่วม – ไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นโจทย์ใหญ่ First mission ที่หัวหน้าพรรค – กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่จะต้องคิดละเอียด เดินพลาดอาจพังทั้งกระดาน

ก่อนการเปิดให้โหวตเตอร์ 291 คน ได้ใช้สิทธิ์ 1 เสียง โหวตเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ได้เปิดให้แคนดิเดตทั้ง 4 คนโชว์วิสัยทัศน์

@ เลือกอภิรักษ์ พรรคเปลี่ยน

“อภิรักษ์” ย้อนถึงก้าวแรกที่เดินเข้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 27 ปีก่อนว่า “สมัยผมอายุ 30 ปี และก้าวแรกที่ผมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เพราะเชื่อมั่นศรัทธาอุดมการณ์ของ ปชป. ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ ยึดมันในการทำงานซื่อสัตย์สุจริตทำงานให้กับประชาชน ผมเมื่อ 27 ปีที่แล้วเชื่อมั่นว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยได้มีตัวแทนเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน แม้ช่วงนั้นทำงานภาคเอกชน แต่ตลอดเวลาหลังจากสมัครเป็นสมาชิกพรรค เข้ามาเป็นประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์ เพียงแต่ไม่มีโอกาสรับสมัครเลือกตั้งของพรรคไม่ว่าท้องถิ่นหรือ ส.ส. กระทั่ง 2547 สมัย ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแล กทม.ผมจึงมีโอกาสพูดคุยกับหลายคนและลงสมัครเลือกตั้ง โดยมุ่งหวังนำประสบการณ์ในภาคเอกชน และทำงานเบื้องหลังพรรคมาใช้ในงานผู้ว่า กทม.”

“ในปัจจุบันนี้ หากมองวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะรวมพลังของ ปชป.ทุกคน มีคำถามว่าผมไม่ได้ ส.ส.จะทำงานร่วมกับ ส.ส.ได้หรือไม่ แม้ผมไม่ได้เป็น ส.ส. แต่มีความตั้งใจร่วมทำงานกับประชาชน ส่วน ส.ส.ก็ทำงานในสภา และเรามีเพื่อนอดีต ส.ส.กว่า 100 คน มีอดีตผู้สมัครที่มีความสามารถที่เหมาะจะเป็นตัวแทนของประชาชนได้ในวันข้างหน้า ดังนั้น ถ้าเป็นหัวหน้าพรรค ผมจะได้ใช้เวลาทั้งหมดทำงานร่วมกับ ส.ส.อดีตสาขาพรรค อดีตผู้สมัคร ฟื้นฟู เปลี่ยนแปลง ต่อยอด ปรับปรุงให้ ปชป.ร่วมสมัย เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคสมัยใหม่”

“สิ่งหนึ่งที่ชาว ปชป.ทุกคน ที่อยากเห็น ปชป.กลับมาชนะเลือกตั้งเหมือนความรู้สึกที่ตอนผมเป็นผู้ว่า กทม. ที่ไม่มีการแบ่งแยก และ ปชป.ทุกคนช่วยกันผลักดันทำงาน และถ้าเราเข้าใจโลกยุคใหม่ สังคมยุคใหม่ มีนโยบายที่โดนใจ และรู้ว่าคนกลุ่มไหนต้องการเรื่องอะไร ปชป.จะมีโอกาสกลับมา แต่ประชาชนถามว่าเมื่อได้ ส.ส.น้อยลงกว่าคราวที่แล้วเยอะมาก แล้วจะกลับมาชนะได้อย่างไร ผมมีโอกาสนำพา ปชป.หาเสียงใน กทม.จากปี 2548 ที่มี ส.ส.4 คน จนมามี ส.ส.ทั้งหมด 27 คน ในปี 2550  ก้าวต่อไป คือการเป็นพรรคของคนไทยทั้งประเทศ พรรคที่มีโอกาสแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และสามารถผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าเลือกอภิรักษ์…พรรคเปลี่ยน”

@ จุรินทร์ ชู ทีม Avengers ปชป.  

“จุรินทร์” พูดเข้าประเด็นว่า “ถ้าผมได้รับโอกาสเป็นหัวหน้า ปชป.จะหยิบยื่นสิ่งนี้ให้กับทุกคน ที่ตั้งใจทำงาน ทุ่มเท เพื่อ ปชป.ไม่จำเป็นต้องอยู่ฝ่ายไหนหรือเป็นเด็กของใคร เป็นคำมั่นที่ให้ไว้เบื้องต้น มีหลายคนถามถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรคจะมีอะไรเปลี่ยนหรือไม่ ปชป.ถึงเวลาต้องเปลี่ยน แต่ไม่ใช่สักแต่จะต้องเปลี่ยน แต่ต้องเปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะ อะไรดีก็ต้องรักษาไว้ อะไรสมควรเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน”

“อุดมการณ์ระบบรัฐสภา ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต้องไม่เปลี่ยน อุดมการณ์ทำเพื่อประชาชนต้องไม่เปลี่ยน ปชป.มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน หัวหน้าพรรคคนที่ 8 ก็ไม่มีสิทธิอยู่นอกเหนืออุดมการณ์ที่เรายึดมั่น”

“นโยบาย วิสัยทัศน์ ต้องเปลี่ยน เพื่อให้ทันกับโลก และเปลี่ยนเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์ disrupt ที่ต้องเปลี่ยนคือ ระบบการบริหารจัดการ ระบบบิ๊กดาต้า ai ต้องถูกนำมาใช้ตัดสินใจทางการบริหารและทางการเมือง ทีมงาน บุคลากรต้องเปลี่ยน หมดยุคซุปเปอร์แมน ยุคต่อไปต้องเป็นยุคอเวนเจอร์ส ซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายในพรรคต้องมาร่วมมือกันเป็น อเวนเจอร์ ปชป. คือ กรณ์ อภิรักษ์ พีระพันธุ์ จะเป็นหนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ อเวนเจอร์สของ ปชป.”

“แต่แค่นี้ไม่พอ เพราะวันนี้ ปชป.เหลือแค่ 52 ที่นั่ง คนเป็นหัวหน้าปชป.ต้องคิดทำอย่างไรทำให้ได้ 100 200 และมากกว่า 200 ในอนาคต คำตอบคือ คำว่าประชาธิปัตย์ต้องมีความเป็นเอกภาพ ภายใต้ความร่วมมือของเราทุกคน มั่นใจ ปชป.สามารถก้าวเดินไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นได้ การให้โอกาสผมในวันนี้คือการให้โอกาส ปชป. พร้อมที่จะจับมือร่วมแรงร่วมใจกับทุกคนที่ตั้งมั่นทุ่มเทเพื่อพรรค พาพรรคก้าวไปสู่ความเป็นหนึ่ง และพาไปสู่ความเป็นที่หนึ่งในใจของคนในอนาคต”

@ ชาติ – แผ่นดินเหนือกว่า ปชป.

มาถึง “พีระพันธุ์” แสดงวิสัยทัศน์ปฏิรูปพรรค รื้อขนบ หัวหน้า – เลขา ใหญ่กว่าสมาชิก “สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของพวกเราที่เหมือนกัน เรามีหัวใจดวงเดียวกัน มีความรักพรรค ห่วงใยพรรค รักชาติรักแผ่นดินไม่แตกต่างกันเลย เชื่อมั่นว่า เราทุกคนล้วนปรารถนาทำให้ ปชป.กลับมาเป็นที่หนึ่งในใจคนอีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าพวกเราไม่รวมกันเป็นหนึ่ง ไม่มีความรักสามัคคีปรองดองไม่มีการรวมพลังของพวกเรา จะไม่มีความเข้มแข็งพอทำให้ ปชป.กลับมาเป็นที่หนึ่งในหัวใจของประชาชนได้”

“ปชป.มีอายุ 73 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายเหตุการณ์ แต่รูปแบบการบริหารจัดการพรรคไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เรายังใช้รูปแบบ หัวหน้า เลขาธิการพรรค กก.บห. ทั้งที่มีเพื่อนสมาชิก อดีต ส.ส. พร้อมช่วยทำงานให้กับชาติบ้านเมืองเยอะมาก สิ่งที่ปรับรปรุงคือต้องเปิดโอกาสให้เพื่อนๆ เข้ามาทำงาน แต่เราไม่สามารถเปิดโอกาสนี้ได้ เมื่อผู้บริหารพรรค 40 กว่าคนไม่เริ่มเปิดใจก่อน อำนาจที่ได้รับมอบจากเพื่อนแท้จริงแล้วไม่ใช่อำนาจเรา ไม่ได้เลือกให้เป็นแบบหัวหน้ากับลูกน้อง เลขากับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เลือกให้มาทำงานกับเขา ให้พรรคเดินไปข้างหน้า จะต้องรักชาติ รักแผ่นดิน คือสิ่งที่เหนือกว่า ปชป. ประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองต้องมาก่อนพรรค”

“ดังนั้นสิ่งที่ต้องปรับปรุงคือการเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถต่างๆได้เข้ามาทำงานด้วย แน่นอนว่าเรารักและห่วงพรรค แต่ผู้บริหารพรรคต้องไม่รวมอำนาจไว้เพียงแค่จุดเดียว ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเปิดโอกาสคนที่มีความสามารถมาร่วมทำงาน ให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง เพื่อใช้อำนาจและบทบาททางการเมืองค้ำจุนประเทศชาติ ครั้งนี้ที่ตนตัดสินใจมาลงสมัครหัวหน้าพรรคก็เพราะอยากจะนำแนวคิดมาช่วยเปิดโอกาสให้กับเพื่อนๆ ในสมาชิกพรรค มาร่วมเดินพร้อมกันกับผู้บริหารพรรคที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน การฟื้นฟูพรรคให้เดินไปข้างหน้า เราจะใหญ่เสมอหน้าเท่าเทียมกันทุกคน โดยตนจะอยู่กับพรรค จะดูแลพรรค และจะพาสมาชิกกลับมาทำงานเป็น ส.ส.ให้ได้”

@ กรณ์ ชู ประเทศสงบ สถาบันมั่นคง

“กรณ์” แสดงจุดยืนฉบับนักปฏิบัตินิยม ว่า จากนี้ไปนอกจากทำงานหนักแล้ว ในทุกความคิด คำพูด ต้องไปสู่เป้าหมาย เลือก ปชป.แล้วได้อะไร ตนมีเป้าหมายชัดเจนมาก 1.ทุกอย่างที่เราคิด พูด ทำ ต้องทำให้ ปชช.อยู่ดีกินดี มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิต 2.ประเทศของเราต้องพัฒนา ต้องทันสมัยและสามารถแข่งขันกับต่างประเทศ 3.ในทุกคำพูด การกระทำต้องชัดเจน สร้างสังคมไทยให้มีความสงบ ให้สถาบันมั่นคง ต้องปรับให้พรรคให้ยึดหลักปฏิบัตินิยม ให้ความสำคัญกับการทำ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน มีจุดยืนที่มั่นคง แต่ยืดหยุ่นในยุทธศาสตร์ถ้าเราอธิบายได้ หลังจากวันนี้จะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญ ส่วนหนึ่งเพราะหวังพึ่ง ปชป. เพราะรู้ว่าจะมีบทบาทสำคัญกำหนดอนาคตในประเทศ เราต้องกลับมาพิจารณาร่วมไม่ร่วมรัฐบาล เราจะตัดสินใจทางไหนก็แล้วแต่ ยึด 3 ข้อ มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วเราจะเลือกไปทางไหน ไม่ได้เห็นประโยชน์ส่วนตน ประโยชน์ส่วนพรรค มั่นใจประชาชนจะสนับสนุน

“การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคไม่สามารถอาศัยบุญเก่าได้ จึงต้องมีความกล้าจะเดินหน้าให้ชัดเจน ดังนั้นการ กระทำของพรรคจะต้องชัดเจนในเป้าหมายว่าถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีโอกาสในการดำเนินชีวิต รวมถึงให้ประเทศพัฒนา ที่สำคัญพรรคจะสร้างให้สังคมไทยมีความสงบและสถาบันหลักมีความมั่นคง”

“เลือกตั้งที่ผ่านมา ลำพังการเลือกตั้งอย่างเดียวไม่เพียงพอ เรื่องเร่งด่วนคือ การปฏิรูปกระบวนการการสื่อสารของพรรค โลกเปลี่ยนไปเยอะ แต่โครงสร้างของพรรคยังยึดอะแนล็อก กระบวนการสื่อสารยึดโฆษกพรรค ทั้งที่ช่องทางเปลี่ยนไป ต้องมีวินัยในการวิเคราะห์ข้อมูล มีวินัยในการสื่อสาร ไม่ใช่เปิดห้องอะไรก็ได้มาพูดตามอำเภอใจ ผมเข้ามาทำงานพรรคเมื่อปี 2548 ได้คุยกับเทพไท เสนพงศ์ เพื่อนร่วมรุ่นจากเลือกตั้งครั้งนั้น และ ส.ส.ใหม่ 30 คน วันนี้เหลือ 3 คน เราพ่ายแพ้การเลือกตั้งไม่ต่างจากพรรคนี้ ผมในฐานะ ส.ส.สมัยแรก ลุกขึ้นในอภิปรายในสภา มีผู้อาวุโส เพื่อนร่วมรุ่น อยู่รายล้อม คือความอบอุ่น คือวัฒนธรรมที่ต้องรักษาไว้ เพียงแต่ต้องปรับปรุงให้เป็นระบบมากขึ้น ทันสมัยมากขึ้น ต้องมีหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี หัวหน้าฝ่ายกิจกรรม ซึ่งสิ่งที่ผมพร้อมจะให้คือความรู้ความสามารถ ความรักพรรค เพื่อนำพาไปตามเป้าหมายที่กำหนด

ภาพจากกลุ่มคนรักจุรินทร์

@ “จุรินทร์” ทิ้งห่างแคนดิเดต

หลังจากให้โหวตเตอร์ลงคะแนนประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ  ที่ประชุมได้นับคะแนนเลือกตั้งปรากฏว่า นายจุรินทร์ ได้รับคะแนนเสียงสูงสุด เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 8  ของพรรค 73 ปี อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ คะแนนแบ่งเป็น ผลคะแนนจาก ส.ส. จำนวน 52 คน คิดเป็นสัดส่วน 70%

1.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้ 25 คะแนน  2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ 20 คะแนน 3.นายกรณ์ จาติกวณิช ได้ 5 คะแนน 4.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ 2 คะแนน

และผลคะแนนจากลุ่มที่ไม่ใช่ส.ส. จำนวน 239 คน คิดเป็นสัดส่วน 30%

1.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้ 135 คะแนน 2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ 82 คะแนน 3.นายกรณ์ จาติกวณิช ได้ 14 คะแนน 4.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ 8 คะแนน

@ ประวัติหัวหน้าพรรคคนใหม่

สำหรับประวัติการทำงานการเมืองของ “จุรินทร์” จบปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต บริหารรัฐกิจและการเมืองการปกครอง และเข้าเป็นยุวประชาธิปัตย์ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ก่อนจะจบปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เป็น ส.ส. 11 สมัย ตั้งแต่ปี 2529 อยู่พรรคเดียวมาตลอด

เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปี 2535 ยุครัฐบาลชวน หลีกภัย

ปี 2537 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ปี 2539 – 2540 เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน

ปี 2540 – 2543 เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล

ปี 2551-2553 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาลอภิสิทธิ์

ปี 2553- 2554 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ปี 2554-2557 เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน

@ ลือ “จุรินทร์” เคยหารือ “บิ๊กป้อม” ตั้งรัฐบาล

ย้อนไปหลังการวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. มีรายงานข่าวสะพัดทำเนียบรัฐบาลว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ 2 ผู้จัดการรัฐบาลพลังประชารัฐ ได้เปิดบ้าน ใน พัน1 รอ. เจรจาตั้งรัฐบาล พรรคที่มาพูดคุย ประกอบด้วย นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคฯ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กับนายประภัทร โพธสุธน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา