ส่องกองทุนหุ้นจีนบวกแรง เปิดประเทศ 1 เดือน ยีลด์พุ่ง

กองทุนหุ้นจีน

การลงทุนกองทุนหุ้นจีนเผชิญปัจจัยกระทบต่าง ๆ มากมาย ในช่วงที่ผ่านมา จนผลตอบแทนติดลบ จาก “ดาวรุ่ง” กลายเป็น “ดาวร่วง” มาในปี 2566 นี้ จากปัจจัยที่จีนยกเลิกมาตรการ Zero COVID ทำให้เป็นแรงหนุนสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจน ทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง หนุนให้ผลตอบแทนกองทุนหุ้นจีนบวกแรงขึ้นมา

เลิกซีโร่โควิดหนุนเศรษฐกิจจีนฟื้น

โดย “อาทิตย์ ทองเจริญ” Head of Thailand Business Schroder Investment Management (Singapore) Ltd. กล่าวว่า หลังการยกเลิกมาตรการ Zero COVID เริ่มเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจจีนดีขึ้นชัดเจน จากการบริโภคที่ฟื้นตัว

ประกอบกับในช่วงโควิดคนจีนมีอัตราการออมสูงถึง 30% ของรายได้ จึงคาดว่าจะเกิดการกลับมาใช้จ่ายอย่างมหาศาล ดังนั้น ภาพในระยะสั้น ตลาดหุ้นจีนมีปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ และเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้น ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มอุปโภค บริโภค และการท่องเที่ยว

ขณะที่ภาพระยะยาว หลังจากที่รัฐบาลจีนมีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ไปเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่่ผ่านมา จะเห็นว่านโยบายหลาย ๆ เรื่องที่เคยเป็นตัวกดดันตลาดเริ่มที่จะผ่อนคลายมากขึ้น เช่น การควบคุมการเก็งกำไรภาคอสังหาริมทรัพย์ การควบคุมอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษ เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำพลังงานสะอาดของโลก นโยบายสนับสนุนกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น ชิป แผงวงจร ฯลฯ และนโยบายกระจายความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจจีนปี 2566 คาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 5% สะท้อนว่าประเทศจีนจะกลับมามีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดี

“ราคาหุ้นจีนในปัจจุบันยังถือว่าไม่แพงมากนัก แม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง มองว่ายังมีช่องว่างที่จะโตได้อีก ฉะนั้น ด้วยราคาหุ้นที่ยังไม่แพง รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้น ทำให้การปรับพอร์ตสำหรับการลงทุนในหุ้นจีนในปีนี้จะเน้นไปที่หุ้นจีนที่เกี่ยวข้องพลังงานสะอาด กลุ่ม EV Car และกลุ่มเทคโนโลยี

โดยจะไม่ได้เน้นตัวที่เคยได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเน้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบ 5G และระบบ cloud computing เป็นหลัก รวมถึงกลุ่มที่มองว่ามีความสามารถในการเติบโตได้ดี ได้แก่ กลุ่มเฮลท์แคร์ เป็นต้น” อาทิตย์กล่าว

ตาราง อันดับกองทุนหุ้นจีน

ย้อน 2 ปี กองทุนหุ้นจีน รีเทิร์นติดลบ

“ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กองทุนหุ้นจีนมีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ หรือเฉลี่ยราว -20% ต่อปี อย่างไรก็ดี กองทุนหุ้นจีนยังเป็นที่ต้องการของผู้ลงทุนไทย

ทั้งในกองทุนที่มีอยู่เดิม และกองทุนเปิดใหม่ โดยในปี 2564-2565 มีการเปิดกองทุนใหม่รวมกว่า 40 กองทุน (รวมทุกชนิดหน่วยลงทุน) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนหุ้นจีน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 อยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ลดลงราว 18% จากปี 2564 มีเงินไหลเข้าสะสมช่วงปี 2564-2565 ราว 1 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ มาตรการควบคุมโควิด-19 ได้มีผลทำให้เศรษฐกิจจีนโตต่ำลงในปีที่แล้ว รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยการผ่อนคลายมาตรการจะช่วยกระตุ้นภาคการบริโภครวมทั้งภาคบริการในประเทศมากขึ้นในปีนี้

“ปัจจุบันภาพรวมการลงทุนจีนค่อนข้างเป็นบวกมากกว่าปีที่แล้ว และตลาดได้ตอบรับเชิงบวกค่อนข้างเร็ว โดยดัชนี Morningstar China Index 10.2% ขณะที่ Morningstar Global Markets Index 6.1% นับตั้งแต่ต้นปี (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มกราคม 2566)”

ชญานี จึงมานนท์
ชญานี จึงมานนท์

ต้นปี 2566 ผลตอบแทนฟื้นเป็นบวก

สำหรับกองทุนที่มีผลตอบแทนกลับมาเป็นบวกตั้งแต่ต้นปี (YTD) นำโดยกองทุน TCHCON จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ ผลตอบแทนอยู่ที่ 16.80% ตามด้วยกองทุน SCBCTECHE และกองทุน SCBRMCTECH จาก บลจ.ไทยพาณิชย์

ผลตอบแทนอยู่ที่ 15.82% และ 15.68% ตามลำดับ ต่อมากองทุน KFCMEGA-A จาก บลจ.กรุงศรี ผลตอบแทนอยู่ที่ 15.57% กองทุน TCHTECH-A จาก บลจ.ทิสโก้ ผลตอบแทนอยู่ที่ 15.40% (ดูตาราง)

“อย่างไรก็ดี ประเทศจีนยังต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศอยู่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาจนกว่าจะปรับตัวและกลับเข้าสู่สภาวะปกติดังเช่นในหลายประเทศทั่วโลก” ชญานีกล่าว

แนะลงทุนระยะยาว “ตลาดหุ้นจีน”

“ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นจีนปีนี้จะมีผลตอบแทนที่เป็นบวกมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่การลงทุนในจีนมีหลายด้าน 
ทั้งตลาดหุ้นจีนที่เป็น A-Share และ H-Share

รวมถึงยังมีบริษัทจีนที่ไปลงทุนในสหรัฐ ซึ่งในแต่ละส่วนอาจจะโตได้ไม่เท่ากัน แต่มองว่าตลาดหุ้นจีนส่วนที่เป็น A-Share ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศน่าจะโตได้ดี

“วันนี้จะเห็นถึงการบริโภคภายในประเทศจีนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่ยกเลิกมาตรการ Zero COVID ทำให้เศรษฐกิจกลับมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยตลาดหุ้น A-Share เป็นกลุ่มที่แนะนำสำหรับการลงทุนในจีนปีนี้ ซึ่งน่าเห็นการฟื้นตัวได้ดี จึงให้นักลงทุนหาจังหวะทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว”

ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์
ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนอาจมีปัจจัยที่ยังคงกดดันอยู่ นั่นคือการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นกลับมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่สหรัฐและยุโรปยังเจอปัญหาทั้งเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะฉะนั้น การส่งออกของจีนไปสหรัฐและยุโรปอาจจะยังไม่ได้กลับไปโตได้เท่าเดิม

“แม้เศรษฐกิจจีนจะเริ่มฟื้นขึ้นมาได้ค่อนข้างดีตอนนี้ แต่ถ้าถามว่าจะฟื้นกลับมาได้เต็มที่เลยหรือไม่ มองว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ในระยะยาวนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจีนจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจแซงหน้าสหรัฐได้ ทำให้ภาพการลงทุนระยะยาว ตลาดหุ้นจีนยังเป็นตลาดที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง” ธนโชติกล่าว

ปี 2566 ยังเหลืออีก 11 เดือน สถานการณ์ตลาดหุ้นจีนจะเป็นไปตามคาดหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป