แสนสิริโชว์พราว NO.1 ลักเซอรี่เมืองไทยปี 66 กระหน่ำเปิด 7 โครงการใหม่ 1.8 หมื่นล้าน

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

แสนสิริ ย้ำเบอร์หนึ่ง เจ้าตลาดอสังหาฯซูเปอร์ลักเซอรี่ไทย เขย่าตลาด ปี’66 เตรียมรุกส่ง 7 โครงการใหม่ ขยายพอร์ต Sansiri Luxury Collection รวมกว่า 18,000 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประสบการณ์ตลอด 38 ปีที่ผ่านมา แสนสิริ ยืนหยัดในการเป็นเจ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ไทยทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ที่เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นๆในวงการอสังหาฯไทย กับจุดแข็งที่ไม่มีใครสามารถแข่งขันได้

โดยมีบทพิสูจน์ที่ย้ำความเป็นผู้นำของแสนสิริในฐานะตัวจริงอันดับหนึ่งของผู้พัฒนาอสังหาฯ ซูเปอร์เซอรี่ไทย มาจากความเชื่อมั่นและการยอมรับจากลูกค้าเวลท์ ทั้งในแบรนด์และคุณภาพของโครงการแสนสิริ รวมถึงความเข้าใจในตัวตนและรสนิยมการอยู่อาศัยที่แท้จริง

ล่าสุดประกาศความสำเร็จกับ 3 ปรากฏการณ์สำคัญ ประกอบด้วย

1.โครงการ “นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา” ราคา 50—95 ล้านบาท สามารถปิดการขายทันทีใน 1 เดือน แม้ยังไม่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมโครงการ

2.“บูก้าน โยธินพัฒนา” ราคา 40-80 ล้านบาท สามาถปิดการขายใน 4 เดือน

3.”คุณ บาย ยู 1st” Design-Branded Residence หนึ่งเดียวในไทย ที่ปิดการขายห้องชุดเพนต์เฮาส์ทุกยูนิต ในราคาตารางเมตรละเกือบ 6 แสนบาท สูงสุดในย่านทองหล่อ

นอกจากนี้ แสนสิริมีลูกค้าบางกลุ่มที่สะสมโครงการในพอร์ต Sansiri Luxury Collection เป็นคอลเลคชั่นทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว รวมถึงการซื้อเพื่อต้องการส่งต่อเป็นมรดกให้กับ next-generation ต่อไปได้

ทุบสถิติขาย-เปลี่ยนมือราคาพุ่งทุกปี

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า โครงการทั้งระดับแฟล็กชิพ ซูเปอร์ลักเซอรี่ และลักเซอรี่ที่แสนสิริพัฒนาขึ้นภายใต้ Sansiri Luxury Collection ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆปี

อาทิ โครงการ “98 Wireless” (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) แฟล็กชิปซูเปอร์ลักเซอรี่คอนโดมิเนียมที่ใส่ใจรายละเอียดใช้เวลาสร้างนานกว่า 7 ปี มูลค่าโครงการกว่า 8,700 ล้านบาท ปัจจุบันยืนหนึ่งทุบสถิติราคาขายต่อตารางเมตรที่พุ่งสูงสุดในประเทศไทย จากราคาเปิดขายเฉลี่ยที่ 600,000 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันราคาขยับสูงเกือบ 900,000 บาทต่อตารางเมตร หรือคิดเป็น capital gain สูงถึง 40% และนับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่หาได้ยากยิ่งที่จะมีการขายเปลี่ยนมือต่อในตลาดในเวลานี้

ยังมี “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” ที่สร้างกำไรจากการขายเปลี่ยนมือได้สูงถึง 20% ต่อปี จากราคาเปิดขายเฉลี่ยที่ 350,000 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันมีราคาเพิ่มสูงถึง 400,000 บาทต่อตารางเมตร และสามารถขายต่อได้ในราคาสูงสุดถึง 100 ล้านบาท จาก 3 ยูนิต

โครงการ “นาราสิริ กรงเทพกรีฑา” ระดับราคา 50—95 ล้านบาท สร้างกำไรจากการขายเปลี่ยนมือ (capital gain) ได้สูงถึง 30% ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน และยังคงมีดีมานด์ความต้องการแรงต่อเนื่องแม้โครงการได้ปิดการขายแล้ว

แสนสิริ

ในขณะที่โครงการ “บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” โครงการระดับแฟล็กชิปซูเปอร์ลักเซอรี่ สร้างกำไรจากการขายเปลี่ยนมือ (capital gain) ได้สูงถึง 50% ต่อปี ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี

“แสนสิริ เตรียมสร้างปรากฏการณ์เซทมาตรฐานบทใหม่แก่วงการอสังหา เพื่อตอบโจทย์ดีมานด์บ้านลักเซอรี่ที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ โดยวางแผนส่ง 7 โครงการใหม่ภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection มูลค่ารวมกว่า 18,000 ล้านบาท

โดยมีโครงการนำร่องกับแบรนด์นาราสิริ พหล-วัชรพล บ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ที่เตรียมเปิดตัวต้นปีหน้า และแบรนด์บูก้าน เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ รวม 3 โครงการ บน 3 ทำเลไพร์มแห่งใหม่ รวมถึงการเปิดตัวครั้งแรกของ 3 แบรนด์ใหม่หมาดที่จะสร้าง

“ปรากฏการณ์ให้แก่วงการอสังหาฯลักเซอรี่ ได้แก่ แบรนด์ No.19, SIRINSIRI, NARINSIRI ที่รวบรวมที่สุดความลักเซอรี่ไว้ในหนึ่งเดียว ตอกย้ำผู้นำอันดับหนึ่งของแสนสิริในตลาดซูเปอร์ลักเซอรี่และลักเซอรี่ของประเทศไทย” นายเศรษฐากล่าวสรุป

แสนสิริ

 

วิถีผู้นำตลาดลักเซอรี่ ความสำเร็จจาก 3 กลยุทธ์หลัก

• Brand Heritage ความเชี่ยวชาญของแสนสิริ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการลักเซอรี่ และสั่งสมประสบการณ์กว่า 38 ปี
• Lifetime Asset Value มูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ที่อยู่อาศัยที่ไม่มีวันสิ้นสุด พร้อมจุดแข็งด้านบริการหลังการขายที่คงสภาพให้เสมือนวันแรกที่เข้าอยู่
• Brand Taste-Maker ด้วยความเชื่อมั่นและการยอมรับจากลูกค้าในแบรนด์แสนสิริ ซื้อบ้านตั้งแต่ยังไม่เข้าชมโครงการ รวมถึงที่สุดของการรวบรวมดีไซเนอร์ระดับโลก (international designer) ที่หาตัวจับยากไว้ที่นี่

ปัจจุบัน แสนสิริ ประสบความสำเร็จจากการปิดการขายอย่างรวดเร็วภายใต้ Sansiri Luxury collection โครงการแฟล็กชิพซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่และลักซ์ชัวรี่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 5 โครงการ รวมมูลค่าโครงการเกือบ 30,000 ล้านบาท

ประกอบด้วย 2 โครงการใหม่ล่าสุดที่เพิ่งปิดการขาย ภายใต้แบรนด์ “นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา-NARASIRI KRUNGTHEP KREETHA” บ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ บนทำเลกรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้ The Best Location ในย่านกรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท

และแบรนด์ “บูก้าน โยธินพัฒนา-BuGaan YothinpattanaW เอ็กซ์คลูซีฟ โมเดิร์น เรสสิเดนท์ 14 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 600 ล้านบาท

แบรนด์ “98Wireless-ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส” แฟล็กชิพซูเปอร์ลักเซอรี่คอนโดมิเนียม มูลค่ากว่า 8,500 ล้านบาท ที่ยืนหนึ่ง ทุบสถิติราคาขายต่อตารางเมตรสูงสุดในประเทศไทยนับตั้งแต่เปิดตัว

แบรนด์ “บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” โครงการแฟล็กชิปบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ย่านพัฒนาการ มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท

แบรนด์ “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” คอนโดมิเนียมลักเซอรี่ใจกลางทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาท

ล่าสุดกับแบรนด์ “คูณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค-KHUN by YOO inspired by Starck” ภายใต้ร่วมทุนกับบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ 1st Design-Branded Residence หนึ่งเดียวในไทย ที่เพิ่งปิดการขายเพนต์เฮาส์ทุกยูนิต ตารางเมตรละเกือบ 6 แสนบาท สูงสุดในตลาดทองหล่อ มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท

 

แสนสิริ