เอพี ไทยแลนด์เปิดบ้าน-คอนโดใหม่ 77,000 ล้าน สูงสุดในวงการอสังหา

Grande Pleno

เอพี ไทยแลนด์ กางแผนธุรกิจปี 2566 เปิดตัวดุดันมูลค่าสูงสุดในอุตสาหกรรม 77,000 ล้านบาท

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 ถือว่าเริ่มมีสัญญาณที่ดี ถึงแม้จะยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบด้านอื่นๆ อยู่ แต่เชื่อว่าปัจจัยบวกในเรื่องของการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศจะกระตุ้นเซนติเมนต์ที่ดีให้เกิดขึ้น

ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พบว่า กราฟการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 เริ่มปรับตัวเป็นขาขึ้น สะท้อนได้ถึงภาพตลาดที่เริ่มฟื้นตัวคืนกลับ จึงมั่นใจได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้น่าจะสดใสและขับเคลื่อนไปต่อ

2022 ก้าวข้ามทุกข้อจำกัด

ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้กำหนดให้เป็นที่สุดแห่งปีกับการพุ่งทะยานไปต่อ Breakthrough ทุกข้อจำกัด เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้เกิดขึ้น ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ก้าวข้ามในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านจำนวน การเปิดตัว โครงการใหม่ที่มากถึง 51 โครงการ มูลค่ารวม 63,600 ล้านบาท

ด้านยอดขายสุทธิทำได้ 50,415 ล้านบาท เกินจากเป้าที่ตั้งไว้ เติบโตจากปี 2564 อยู่ที่ 44% รวมถึงยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้

2023 ที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน

นายวิทการกล่าวว่า ปี 2566 เอพีพร้อมต้อนรับศักราชใหม่กับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แผน “2023 AP INCLUSIVE GROWTH” ที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน โดยจะดำเนินงานผ่าน 3 มิติดังต่อไปนี้

1.Dive Deeper in Property Business ทำงานแบบเจาะลึก เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยว และกลุ่มธุรกิจพัฒนาทาวน์โฮม

โดยปี 2566 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาด จำนวน 58 โครงการ มูลค่ารวม 77,000 ล้านบาท

เป็นบ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท ทาวน์โฮม 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท

ซึ่งส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้ง กทม. และต่างจังหวัดมากถึง 192 โครงการ มูลค่า 165,600 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV (ร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท) อยู่ที่ 57,500 ล้านบาท

ธุรกิจใหม่ “Fitfriend” เทรนเนอร์ ดีลิเวอรี่

2.HATCH NEW BUSINESS ต่อยอดความชำนาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการค้นหาช่องว่างตลาดใหม่ โดยจะนำทรัพยากรที่บริษัทฯ มี ไปบ่มฟักนักคิด นักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำกลับมาสนับสนุนธุรกิจในระยะยาวแบบองค์รวม

ทั้งในมิติธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ๆ หรือเพื่อเสริมธุรกิจอื่นๆ ในเครืออย่าง สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเมนท์ (SMART) หรือ บางกอก ซิตี้สมาร์ท (BC) พร็อพเพอร์ตี้โบรกเกอร์แบบครบวงจร เป็นต้น

ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัว FitFriend เทรนเนอร์เดลิเวอรี่ ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ สถิติปี 2565 FitFriend มีคนใช้บริการมากกว่า 6,000 คลาส มีเทรนเนอร์อยู่ในระบบมากกว่า 100 คน ทุกคนผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำ และผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม จึงมั่นใจได้ในมาตรฐานของเทรนเนอร์ที่ไม่ต่างจากการใช้บริการในฟิตเนสชื่อดัง

ทั้งนี้ FitFriend นอกจากจะให้บริการแก่บุคคลทั่วไปผ่านระบบ Line Official-FitFriend แล้ว วันนี้ FitFirend ยังสเกลอัพไปเป็นอีกหนึ่งเซอร์วิส ภายใต้การบริหารจัดการของสมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเมนท์ เพื่อให้บริการแก่ลูกบ้านที่สมาร์ทบริหารจัดการกว่า 370 โครงการอีกด้วย

3.PEOPLE & SOCIAL สานต่อความตั้งใจที่จะเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ ‘คน’ ด้วยการมอบทักษะแห่งอนาคตแก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในเครือ นิสิต นักศึกษา บัณฑิตผู้พิการ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็น AP OPEN HOUSE โปรแกรมฝึกงานในฝันของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 จนได้รับการยอมรับว่าเป็นโปรแกรมการฝึกงานที่ดีที่สุดในประเทศไทย หรือแคมเปญ I AM POWER ที่จัดขึ้น เพื่อเอ็มพาวเวอร์บัณฑิตผู้พิการให้มีโอกาสเข้าถึงทักษะการทำงานใหม่ๆ

ปักหมุดบ้านแฝด 2-3 ชั้นเจาะลูกค้าลักเซอรี่

นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมเอพีมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านยอดขายที่เติบโต 30% เทียบกับปี 2564 และโต 90% เทียบกับปี 2562

แผนธุรกิจปี 2566 กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮม ตั้งเป้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โรดแมป “Unlock Vertical Life พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้” เพื่อยังคงครองภาพการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮมในเมือง เตรียมเปิดตัวทาวน์โฮมใหม่ 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ระดับราคา 1.69 – 25 ล้านบาท

ไฮไลต์สำคัญคือ การขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านแฝดมากยิ่งขึ้น ภายใต้แบรนด์บ้านกลางเมือง THE EDITION (ดิ อิดิชั่น) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่มีหน้ากว้างที่มากสุดถึง 12.8 เมตร และ GRANDE PLENO (แกรนด์ พลีโน่) บ้านแฝด 2 ชั้น หน้ากว้าง 13.5 เมตร

รวมถึงการเปิดตัว Luxury Townhome ซึ่งทำเลใหม่ในปีนี้คือ “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน” คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/66

ขยายฐานบ้านเดี่ยว ลักเซอรี่-ซูเปอร์ลักเซอรี่

นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในมิติด้านมูลค่าโครงการและจำนวนโครงการที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

แผนธุรกิจปี 2566 เตรียมเปิดบ้านเดี่ยวใหม่ 22 โครงการใหม่ มูลค่า 34,800 ล้านบาท ไฮไลต์สำคัญคือ การรุกเข้ากินแชร์ตลาดบนใน 2 เซกเมนต์ คือ บ้านเดี่ยวระดับ Luxury ราคา 20 – 50 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ราคา 50 – 100 ล้านบาท

โดยเตรียมเปิดตัว THE CITY (เดอะ ซิตี้) บ้านเดี่ยวโมเดลใหม่ ขนาดพื้นที่ 100-127 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 386-560 ตารางเมตร ใน 3 โครงการ ได้แก่ 1.THE CITY จรัญฯ – ปิ่นเกล้า จำนวน 58 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท จุดเด่น แบบบ้านสไตล์อังกฤษ พร้อมห้องใต้หลังคา มีให้เลือก 4 โมเดล

2.THE CITY ปิ่นเกล้า-บรมฯ 3 จำนวน 68 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,420 ล้านบาท แบบบ้าน 3 แบบในสไตล์ Modern Classic และ 3.THE CITY สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 จำนวน 64 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการพร้อมเปิดขายในไตรมาส 1/66

นอกจากนั้น ในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวไม่หยุดนิ่งที่จะมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลเมือง โดยเรามีเป้าที่จะเปิดตัวโครงการบ้านกลางกรุง บ้านเดี่ยว 4 – 5 ชั้นในทำเลเมือง หลังจากที่โครงการบ้านกลางกรุงสาธุประดิษฐ์ – พระราม 3 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2564 ประสบความสำเร็จ

รวมถึงการอัพสเกลคฤหาสน์หรู THE PALAZZO (เดอะ พาลาสโซ่) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งอีกด้วย

10 ปี่ดีลร่วมทุน “มิตซูบิชิ เอสเตท” มูลค่าทะลุแสนล้าน

นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2566 น่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงกับปีก่อนเผชิญโควิด-19 ซึ่งหากดูจากยอดขายคอนโดมิเนียมเครือเอพีในปีที่ผ่านมา จะพบว่ามีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า หรือคิดเป็น 11,440 ล้านบาท โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม เตรียมเปิดตัว 4 คอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจคอนโดพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่แล้ว โดยมีส่วนร่วมผลักดันให้เป้าหมาย Inclusive Growth ในภาพใหญ่เอพี ไทยแลนด์ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย การสานต่อความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป

“ปี 2566 ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีของความร่วมมือระหว่างเอพี ไทยแลนด์กับทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันมาแล้วทั้งสิ้น 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท และยังคงมีแนวคิดร่วมกันที่จะผลักดันการพัฒนาคอนโดมิเนียมไทยให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกันของทุกคน (Inclusive Living) มากยิ่งขึ้น”

สำหรับแผนดำเนินการปีนี้ กลุ่มธุรกิจคอนโดเตรียมส่งมอบ 4 คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ มูลค่ารวม 16,200 ล้านบาท มีทั้งคอนโดในเซกเมนต์ Prestige Lux อย่าง THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี (ดิ แอดเดรส สยาม-ราชเทวี) คาดว่าพร้อมส่งมอบ ไตรมาส 3,/66

คอนโดในเซกเมนต์ Luxury แบรนด์ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน (ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน) ที่เปิดตึกพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย และ ASPIRE (แอสปาย) 2 โครงการ ได้แก่ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ และ ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน ทั้ง 2 โครงการ เป็น ASPIRE คอนโด ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จเป็น 2 โครงการแรก