อสังหาริมทรัพย์โซน EEC คึกสุดขีด บ้าน-คอนโดฯอยู่ระหว่างขายท่วมตลาด 2.2 แสนยูนิต มูลค่าทะลุ 5.53 แสนล้านบาท เผย 22 บิ๊กแบรนด์เมืองกรุงบุกลงทุน 1.2 แสนล้าน ยึดหัวหาดไพรมแอเรีย 3 จังหวัดทำเลในเมืองยันหน้าหาด ครึ่งปีหลังกางแผนเปิดตัวเพิ่มทั้ง “เอสซี-คิวเฮ้าส์-พฤกษา-ออริจิ้น-ศุภาลัย-ลลิล-แสนสิริ”
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยโซน EEC (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก 3 จังหวัดมีชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) อัพเดตล่าสุดช่วงครึ่งปีแรก 2561 พบว่ามีความคึกคักเหมือนตลาดในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ เป็นผู้จุดพลุการแข่งขันสูง ทำให้ราคาใกล้เคียงกับตลาดกรุงเทพฯ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
อยู่ระหว่างขาย 5 แสนล้าน
ทั้งนี้ ณ ครึ่งปีแรก 2561 มีโครงการอยู่ระหว่างขาย 957 โครงการ รวม 202,166 ยูนิต มูลค่ารวม 553,371 ล้านบาท สามารถขายได้แล้ว 73.4% จำนวน 148,363 ยูนิต เหลือขาย 26.6% 53,803 ยูนิต
แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 106,742 ยูนิต มูลค่ารวมกัน 222,238 ล้านบาท ขายได้แล้ว 65.3% จำนวน 69,735 ยูนิต เหลือขาย 34.7% 37,007 ยูนิต และคอนโดมิเนียม 95,424 ยูนิต ขายได้แล้ว 82.4% จำนวน 78,628 ยูนิต เหลือขาย 17.6% จำนวน 16,796 ยูนิต จะเห็นได้ว่าคอนโดฯมีผลตอบรับดีกว่าบ้านจัดสรร มีสัดส่วนขายแล้ว 82.4% เทียบกับบ้านจัดสรรมีสัดส่วนขายแล้ว 65.3%
ทุนกรุงบุก 1.2 แสนล้าน
ไฮไลต์การแข่งขันมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ นายภัทรชัย กล่าวว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีบิ๊กแบรนด์เข้าไปลงทุนอย่างน้อย 22 บริษัท พัฒนาโครงการทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด
ทาวน์เฮาส์ คอนโดฯ รวมกัน 94 โครงการ จำนวน 43,827 ยูนิต มูลค่ารวม 121,090 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 39 โครงการ จำนวน 29,370 ยูนิต มูลค่ารวม 76,007 ล้านบาท กับบ้านจัดสรรแนวราบ 55 โครงการ จำนวน 14,457 ยูนิต มูลค่ารวม 45,083 ล้านบาท
โดย 10 อันดับแรกที่มูลค่าโครงการสูงสุด ประกอบด้วย บมจ.ไรมอนแลนด์, ควอลิตี้เฮ้าส์, แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ LPN, แสนสิริ, ศุภาลัย, ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, พฤกษา เรียลเอสเตท, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น มีมูลค่าโครงการรวมกัน 88,284 ล้านบาท
ครึ่งปีหลังถมลงทุนเพิ่ม
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอสซีฯประสบความสำเร็จจากการเข้าไปลงทุนเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ “เพฟ” โครงการแรก มูลค่า 750 ล้านบาท แผนลงทุนครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวเพิ่มโครงการที่ 2 เพื่อต่อยอดความสำเร็จ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท
“ตอนที่ศึกษาตลาดฉะเชิงเทราบริษัทเข้าไปดูตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะโปรโมต EEC โดยเราสนใจต่างจังหวัดทั่วประเทศ จุดเน้นอยู่ที่หัวเมืองรองและมีการเติบโต ซึ่งพบว่าตลาดศักยภาพมี 3 จังหวัด โดยฉะเชิงเทราเป็นเบอร์ 1 ที่มีการเติบโตสูงมาก ตอนซื้อที่ดินแปลงแรกจังหวะพอดีกับ EEC เริ่มบูม เป็นตัวผลักดันศักยภาพทำเลขึ้นมาอีกทางหนึ่ง วันนี้มีที่ดินแล้ว 2 แปลง กำลังเจรจาซื้อเพิ่มอีก 1 แปลง โดยวางบ้านแบรนด์เพฟ ราคา 5-8 ล้านบาท เป็นราคาสูงสุดในตลาด แต่มีช่องว่างเพราะซัพพลายมีน้อยมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ครึ่งปีหลัง
มีบิ๊กแบรนด์หลายบริษัทประกาศพัฒนาโครงการเพิ่ม อาทิ กลุ่มพฤกษาฯ วางแผนเปิด 7 โครงการใน EEC มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท อาทิ แบรนด์บ้านพฤกษา บ้านโพธิ์-มอเตอร์เวย์, บ้านพฤกษา-เดอะแพลนท์ ที่ชลบุรี ฯลฯ, กลุ่มแสนสิริก็เพิ่งประสบความสำเร็จจากการเปิดขายคอนโดฯเอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา อยู่ด้านหลังเซ็นทรัล เฟสติวัล มียอดขายแล้ว 96%
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ออริจิ้นฯมีการลงทุนที่อยู่อาศัยและโครงการมิกซ์ยูสเกิน 10,000 ล้านบาท และมีแผนลงทุนต่อเนื่องในโซนอีอีซีอีกไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะเป็นตลาดมีศักยภาพสูง เน้นเจาะลูกค้าคนไทยเพราะต้องการฐานลูกค้าโลคอลเพราะถือว่ามีความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกน้อยกว่าลูกค้าต่างชาติ
คอนโดฯชลฯ 1.7 แสน/ตร.ม.
สำหรับภาพรวมจังหวัดชลบุรี มีบ้านจัดสรรอยู่ระหว่างขาย 437 โครงการ 70,004 ยูนิต มูลค่า 136,126 ล้านบาท ขายแล้ว 65.05% จำนวน 45,544 ยูนิต เหลือขาย 34.95% 24,460 ยูนิต และคอนโดฯ 227 โครงการ มูลค่า 305,115 ล้านบาท จำนวน 91,034 ยูนิต ขายแล้ว 82.75% จำนวน 75,332 ยูนิต เหลือขาย 15,712 ยูนิต หรือ 17.25%
โดยห้องชุดที่มีราคาแพงสุดสถิติเป็นของโครงการ Reflection ของค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทำเลหน้าหาดราคาปรับขึ้นไปถึง 1.7 แสนบาท/ตารางเมตร ในขณะที่โซนจอมเทียนฝั่งทะเลมีตั้งแต่ 8 หมื่น-1.4 แสนบาท/ตารางเมตร, โซนซิตี้เริ่ม 6 หมื่น-1.5 แสนบาท/ตารางเมตร, นาจอมเทียนเริ่มตั้งแต่ 9 หมื่น-1.2 แสนบาท/ตารางเมตร
ส่วนบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สตาร์ตเท่ากรุงเทพฯ คือเริ่มต้น 5 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์เริ่มต้น 2.5-3 ล้านบาท โดยกำลังซื้อหลักเป็นกลุ่มรายได้สูงของประเทศเพราะมีทั้งแหล่งจ้างงานคือนิคมอุตสาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งมีกำลังซื้อจากคนกรุงเทพฯ ตามมาซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 อีกด้วย
ระยองโซนเกาะลอยบูมจัด
จังหวัดระยอง มีบ้านจัดสรรอยู่ระหว่างขาย 202 โครงการ 24,554 ยูนิต มูลค่า 32,810 ล้านบาท ขายแล้ว 67.0% จำนวน 16,450 ยูนิต เหลือขาย 33% จำนวน 8,104 ยูนิต ในขณะที่
คอนโดฯอยู่ระหว่างขาย 12 โครงการ มูลค่า 4,958 ล้านบาท 3,336 ยูนิต ขายแล้ว 78.2% จำนวน 2,609 ยูนิต เหลือขาย 727 ยูนิตหรือ 21.80%
“ดัชนีตลาดคอนโดฯตอนนี้ดูที่โครงการดิเอสเซ็นท์ ของซีพีเอ็น เรสซิเดนซ์ในเครือเซ็นทรัล สร้างเสร็จแล้ว 400 ยูนิต มีห้องหลุดออกมาเพียง 20 ยูนิต ดูแล้วเป็นสัญญาณบวกเพราะราคาก็ปรับเพิ่มและมีดีมานด์มารองรับ นอกจากนี้ทาง ซี.พี.แลนด์ก็ไปลงทุนคอนโดฯแบรนด์คอร์ทยาร์ดทำเลหาดแสงจันทร์”
สำหรับตลาดบ้านจัดสรร กรณีบ้านเดี่ยวมี 2 เซ็กเมนต์คือทำเลในเมืองราคา 7-10 ล้านบาท กับทำเลปลวกแดงใกล้นิคมอุตสาหกรรมเริ่มหลังละ 4 ล้านบาท โปรดักต์ขายดีมากคือทาวน์เฮาส์ราคา 1.5-1.6 ล้านบาท ลูกค้าคนรุ่นใหม่ตอบรับดีและซื้อง่ายขายคล่องกว่าคอนโดฯและทำเลเกิดใหม่อย่าง “เกาะลอย” เป็นที่ตั้งห้างเซ็นทรัล ระยอง ล่าสุดทางบริษัทพฤกษาฯประกาศเปิดตัวบ้านพฤกษากับเดอะแพลนท์ เกาะลอย, บริษัทออริจิ้นฯก็มีที่ดิน 30 ไร่อยู่โซนเนินสำลีใกล้ ๆ กันเตรียมขึ้นโครงการแนวราบ”
ฉะเชิงเทราพีกที่ “บ้านโพธิ์”
ดาต้าเบสของฉะเชิงเทรามีบ้านจัดสรรอยู่ระหว่างขาย 41 โครงการ 12,814 ยูนิต มูลค่า 53,302 ล้านบาท ขายได้แล้ว 63.5% จำนวน 7,741 ยูนิต เหลือขาย 36.5% 4,443 ยูนิต ส่วนคอนโดฯมีเพียง 2 โครงการมาจากผู้ประกอบการท้องถิ่น มูลค่า 1,060 ล้านบาท โดยมีหน่วยอยู่ระหว่างขาย 1,054 ยูนิต ขายแล้ว 65.2% 687 ยูนิต เหลือขาย 367 ยูนิตหรือ 34.8%
ในด้านราคา ตลาดบ้านเดี่ยวฉะเชิงเทราเริ่มต้น 5 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 2-3 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯไม่ได้รับความนิยมมากนักเพราะที่ดินยังสามารถหาได้ในต้นทุนไม่สูงมากนัก
“ทำเลเด่นอยู่ที่ อ.บ้านโพธิ์ เพราะเป็นแหล่งจ้างงาน มีโรงงานผลิตรถยนต์ของโตโยต้า ฮอนด้าที่เป็นฮับใหญ่ ศักยภาพทำเลเดินทางสะดวก อยู่ใกล้เมือง ใกล้ห้างโรบินสัน ตลาดหลักจึงเป็นโครงการแนวราบ โดยที่ผ่านมามีข้อพิสูจน์แล้วว่าอสังหาฯสามารถอัพราคาได้ ตอนนี้มีคิวเฮ้าส์ เอสซีฯ และกำลังจะมีพฤกษาฯมาลงทุน”
