ขึ้นรถไฟฟ้า 4 แสนคนต่อวันหลังคลายล็อกดาวน์ ย้ำเว้นระยะห่าง

ประสานขอความร่วมมือหน่วยงานผู้ให้บริการระบบขนส่งทางรางดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) อย่างเข้มงวด แม้จะมีการผ่อนปรนล็อกดาวน์

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กล่าวว่า จากกรณีที่จุดสับรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ระหว่างสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และสถานีสยาม ฝั่งมุ่งหน้าปลายทางสถานีบางหว้า เกิดเหตุขัดข้อง เมื่อเวลา 05.00 น. ของวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2563

ส่งผลให้การเดินรถสายสีลมล่าช้า เกิดความหนาแน่นของผู้โดยสารในสถานีรถไฟฟ้าที่เริ่มออกมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น หลังจากรัฐบาลประกาศผ่อนปรนล็อกดาวน์ในบางกิจกรรม เช่น ร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่ติดแอร์ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม และห้างสรรพสินค้า จนทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ/แพร่เชื้อ

จากความหนาแน่นของผู้โดยสารกรมได้ประสานไปยังบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลและให้บริการระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสให้เร่งดำเนินการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีก รวมทั้งได้ประสานไปยังหน่วยงานผู้ให้บริการระบบขนส่งทางรางอื่นๆ

ประกอบด้วย การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ม.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM)

ให้ดำเนินการเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาสภาพรถโดยสาร ระบบการเดินรถ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความพร้อมสมบูรณ์ในการให้บริการ และไม่เกิดเหตุขัดข้องอย่างกรณีดังกล่าว

และหากมีความหนาแน่นของผู้โดยสารในแต่ละสถานี ให้หน่วยงานผู้ให้บริการฯ ดำเนินมาตรการบริหารการเข้าสู่ระบบของผู้โดยสาร โดยคำนึงถึงมาตรการพึงปฏิบัติการจัดการระบบขนส่งทางรางภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จากบุคคลอื่นๆ ในระยะอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อรับบริการตามความเหมาะสม โดยให้ดำเนินการแบ่งเป็นกลุ่ม (Group Release) 3 ตอน

ได้แก่ ตอนที่ 1 ก่อนการขึ้น-ลง เข้าสู่ชั้นจำหน่ายตั๋ว ตอนที่ 2 ก่อนการผ่านหน้าประตูกั้นจัดเก็บค่าโดยสาร และตอนที่ 3 ก่อนเข้าสู่ขบวนรถ พร้อมทั้งให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนในการเผื่อเวลาการเดินทางเพื่อลดความหนาแน่น ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการติดเชื้อ/แพร่เชื้อ

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนวางแผนเผื่อเวลา เตรียมการเดินทางในวันทำงาน ซึ่งจากสถิติการเดินทางเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2563 หลังจากรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีประชาชนใช้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งในเขตกรุงเทพฯ เฉลี่ย เกือบ 400,000 เที่ยวคนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากสภาวะการณ์ช่วง วันที่ 1 พ.ค.2563 มีเฉลี่ยเพียง 189,000 เที่ยวคน เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าตัว หรือ 100%


“คาดการณ์ว่าพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) น่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก กรมขอให้ประชาชนวางแผนเดินทาง รักษาสุขอนามัย สวมใส่หน้ากาก เผื่อเวลาเดินทาง เว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อช่วยทำให้ประเทศชาติ ประชาชน ปลอดภัยปราศจากโควิด”