อสังหาภูเก็ตไม่อยากเป็นแค่เมืองท่องเที่ยว จี้รัฐสร้างเมืองมหาลัย-ขยายเช่า 50 ปีดึงลูกค้าต่างชาติ

นายบุญ ยงสกุล อุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้รับผลกระทบมากที่สุด นับตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิ เนื่องจากเดิมภูเก็ตพึ่งพาการท่องเที่ยว 70-80% แต่ในช่วง 10 ปีมานี้ เศรษฐกิจในจังหวัดขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว 99% ทำให้ในช่วงนี้หลายธุรกิจต่างเจ็บตัว

ส่วนตลาดอสังหาฯ ลูกค้ามี 2 กลุ่ม คือคนในพื้นที่และคนไทยที่ทำงานในภูเก็ต กับชาวต่างชาติที่มาลงทุน ซึ่งช่วงมีนาคม-เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ธุรกิจต่าง ๆ มีผลประกอบการไม่ดี บางรายต้องปิดตัวปิดกิจการ ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและกำลังซื้อในจังหวัด ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนทำให้กำลังซื้อลูกค้าต่างชาติหายไปด้วย

อย่างไรก็ตาม หากมีวัคซีนรักษาโควิด ซึ่งน่าจะใช้เวลา 2 ปีหลังจากนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะลูกค้าชาวฮ่องกง ซึ่งขณะนี้กำลังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ จึงมีโอกาสที่จะมาลงทุนซื้ออสังหาฯ ในไทยมากขึ้น ผู้ประกอบการควรปรับตัวเพื่อรองรับตลาดกลุ่มนี้ แต่ในช่วงนี้ ผู้ประกอบการควรลดขนาดโครงการลง เพื่อบริหารซัพพลาย

นอกจากนี้ ยังพบว่าช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีกลุ่มทุนทั้งผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่จากส่วนกลาง และนักลงทุนต่างชาติ เริ่มซื้อที่ดินเตรียมพัฒนาโครงการ

สำหรับข้อเสนอเพื่อกระตุ้นอสังหาฯ มีดังนี้

1.หยุดการใช้มาตรการ LTV ชั่วคราว 6 เดือน-1 ปี ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ที่ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ 2.ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% เพื่อช่วยผู้ประกอบการเป็นเวลา 3-6 เดือน

3.เพิ่มสิทธิการเช่าระยะยาว (leasehold) จาก 30 ปีเป็น 50 ปี เนื่องจากตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการมาใช้ชีวิตหลังเกษียณในไทย ซึ่งขณะนี้ยังมีข้อห่วงกังวลว่าหากครบ 30 ปี ใครจะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการต่อทะเบียน หากแก้ไขเป็น 50 ปีได้จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น อีกทั้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังเป็นของคนไทย

4.repositioning หรือปรับเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจของภูเก็ตที่เน้นการท่องเที่ยวอย่างเดียว ให้ใช้โมเดลการศึกษาเหมือนมาเลเซียและสิงคโปร์ เช่น ตั้งโรงเรียนนานาชาติหรือมหาวิทยาลัย ซึ่งจะช่วยตลาดอสังหาฯ ได้จากผู้ซื้อที่เป็นผู้ปกครอง และโมเดลการแพทย์และการกีฬา เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์แล้วว่าสาธารณสุขประเทศไทยดี น่าจะดึงดูดชาวต่างชาติวัยเกษียณได้ ซึ่งมองว่าหากภูเก็ตมีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้นจะทำให้คนพักอาศัยในระยะยาว (long stay) มากกว่าปัจจุบันที่เป็นการมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือพักชั่วคราวไม่กี่วัน