ปัจจุบันภาครัฐ-เอกชนเริ่มมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคตมากยิ่งขึ้น
ปังสุด “โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ-ธนารักษ์” หรือซีเนียร์คอมเพล็กซ์ ของกรมธนารักษ์ ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ธนารักษ์จ่อขึ้นเฟส 2
เนรมิตที่ดินราชพัสดุย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 20 ไร่เศษ ขึ้นเฟสแรก เป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 920 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 31-50 ตร.ม. วงเงินลงทุน 1,400 ล้านบาท ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลังเปิดจองเมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมา เคาะราคาเริ่มต้นที่ 1.82-2.99 ล้านบาท รวมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ระยะยาวเวลา 30 ปี เริ่มสร้างกลางปี 2564 แล้วเสร็จให้อยู่อาศัยปลายปี 2565 และเตรียมจะลงทุนพัฒนาเฟส 2 อีก บนที่ดินเหลือ 50 ไร่
กทม.ผุดบ้านผู้สูงอายุแห่งใหม่
ล่าสุด “กรุงเทพมหานคร” เตรียมสร้างบ้านพักคนชราแห่งใหม่ที่ “สะแกงาม” รองรับได้ 150 คน จากปัจจุบันมีบ้านพักคนชราในการดูแล 1 แห่ง คือ บ้านบางแค 2 รองรับผู้สูงอายุได้เพียง 140 คน ไม่สามารถรองรับผู้สูงอายุในพื้นที่ กทม.ขณะนี้มีกว่า 1 ล้านคนได้
หลัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาพื้นที่ที่จะสามารถสร้างบ้านพักคนชราเพิ่มเติม ให้กระจายครอบคลุมทุกมุมเมือง โดยจัดรูปแบบการบริการให้ครบวงจร และหากเป็นไปได้ให้เลือกที่ดินที่ใกล้ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาล
ปักหมุดบึงสะแกงาม 32 ไร่
ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธา บริจาคที่ดินเนื้อที่รวม 32-1-16 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณบึงสะแกงาม แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวาให้ก่อสร้างโครงการ
โดยทำเลที่ตั้งเหมาะสมสามารถใช้เส้นทางได้ทั้งถนนมิตรไมตรี ออกสู่เขตหนองจอก หรือเส้นทางถนนนิมิตใหม่ ออกสู่เขตมีนบุรีได้ อยู่ห่างจากโรงพยาบาลเวชการุณย์ รัศมี 12 กม. และศูนย์บริการสาธารณสุข 64 สาขาทรายกองดินใต้ 3 กม.
สำหรับโปรเจ็กต์นี้ “ผู้ว่าฯ กทม.” มอบให้สำนักการโยธาเป็นผู้ออกแบบโครงการ ขณะนี้ได้ออกแบบเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
รูปแบบอาคารสูงไม่เกิน 12 เมตร เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียวลาย) ซึ่งกำหนดให้สร้างอาคารได้สูงไม่เกิน 12 เมตร ทำให้การออกแบบโครงการอยู่ภายใต้แนวคิด การสร้างความสุขให้ผู้สูงอายุในบั้นปลายชีวิตด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด
เปิดพิมพ์เขียว 3 ส่วนผสม
ภายในโครงการ ประกอบด้วย 1.ส่วนสาธารณะ ได้แก่ อาคารศูนย์บริการสาธารณสุข และลานจอดรถยนต์ 2.ส่วนกึ่งสาธารณะ ได้แก่ อาคารอำนวยการและอาคารฝึกอาชีพ อาคารศูนย์อาหาร สวนสุขภาพ อาคารกายภาพบำบัด ธาราบำบัด และ 3.ส่วนที่พักอาศัย ได้แก่ บ้านพักอาศัย อาคารบริการและพักอาศัยเจ้าหน้าที่ และอาคารกิจกรรม
สำหรับบ้านพักอาศัยมี 2 รูปแบบ คือ Type A พักได้ 8 คน บ้านพัก 1 หลัง พื้นที่ 105 ตร.ม. หรือห้องละ 52.5 ตร.ม. โดย 1 หลัง แบ่งเป็น 2 ห้องใหญ่ นอนได้ห้องละ 4 คน ห้องน้ำ 1 ห้อง มีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะ, เก้าอี้ เครื่องปรับอากาศ อุปกรณ์ราวจับภายในห้องน้ำ และอาคารพักอาศัย
Type B พักได้ 14 คน บ้านพัก 1 หลัง พื้นที่ 275 ตร.ม. หรือห้องละ 40 ตร.ม. โดย 1 หลัง แบ่งเป็น 7 ห้องใหญ่ นอนได้ห้องละ 2 คน ห้องน้ำ 1 ห้อง มีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ เตียงนอน-ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะ, เก้าอี้ เครื่องปรับอากาศ-อุปกรณ์ราวจับภายในห้องน้ำ
แบ่ง 2 เฟส เฟสแรกเสร็จปี’65
ตามแผนจะเริ่มเฟสแรก โดยปรับภูมิทัศน์โดยรอบ ก่อสร้างอาคารศูนย์อาหารเพื่อใช้เป็นศูนย์อาหาร อาคารอำนวยการและศูนย์ฝึกอาชีพชั่วคราว ก่อสร้างบ้านพัก Type A ทำคันดินและคูน้ำรอบโครงการ ขุดบ่อน้ำ ก่อสร้างถนนทางเข้าปลูกต้นไม้เพื่อเป็นแนวรั้วโครงการ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบสุขาภิบาล
ส่วนเฟส 2 สร้างบ้านพัก Type A เพิ่มเติม ก่อสร้างบ้านพัก Type B ก่อสร้างอาคารกิจกรรม ก่อสร้างอาคารบริการและพักอาศัยเจ้าหน้าที่ ก่อสร้างอาคารอำนวยการและอาคารฝึกอาชีพ ก่อสร้างอาคารกายภาพบำบัด/ธาราบำบัด ก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสาธารณสุข ปรับภูมิทัศน์โครงการ สร้างลานจอดรถ
ตามเป้า กทม.คาดว่าเฟสที่ 1 จะแล้วเสร็จในปี 2565 จากนั้นจะเร่งดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่เหลือให้ครบถ้วนโดยเร็ว
งบฯลงทุน 305 ล้าน
โดยงบประมาณในการดำเนินการมีทั้งงบประมาณของ กทม.เอง และจะเปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาและแรงสนับสนุนจากภาคเอกชนล่าสุด “ไทวุฒิ ขันแก้ว” ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2564 ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมเตรียมรองรับโครงการ ขณะนี้ได้จัดทำถนนลำลองชั่วคราวแล้ว
ทั้งโครงการจะใช้งบฯสร้าง 305 ล้านบาท ซึ่งได้ของบประมาณก่อสร้างระยะแรกแล้ว 50 ล้านบาท เริ่มสร้างภายในปีนี้ จะรองรับผู้สูงอายุได้ 64 คน แล้วเสร็จในปี 2565 จากนั้นจะเร่งสร้างในส่วนที่เหลือให้ครบถ้วนโดยเร็ว โดยการเข้าอยู่จะเหมือนกับที่บ้านผู้สูงอายุที่บางแค