แกรนด์ แอสเสทฯ หนุนชมรมแพทย์ชนบท ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าที่ กทม.-ปริมณฑล

แกรนด์ แอสเสทฯ หนุนชมรมแพทย์ชนบท ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมดที่ กทม.-ปริมณฑล

วันที่ 2 มิถุนายน 2564 “แกรนด์ แอสเสท” เผยแนวโน้มธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวเร็วขึ้น หากควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ ชี้การฟื้นฟูท่องเที่ยวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สนับสนุนการนำเข้าวัคซีนทางเลือก ขณะที่การจัดหาวัคซีนต้องใช้เวลา จึงเห็นด้วยกับแนวทางของ “ชมรมแพทย์ชนบท” ในการหยุดระบาดโควิดให้ตรงจุด โดยการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมดที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดของประเทศ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหลังฉีดเข็มแรก

นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังอยู่ในเกณฑ์สูง มีตัวเลขเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยล่าสุด ศบค.ชะลอการผ่อนคลายเปิดสถานประกอบการ 5 ประเภทออกไปอีก 14 วัน ซึ่งสถานการณ์โดยรวมส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในเขตกรุงเทพฯรวมถึงธุรกิจโรงแรมต่อไปอีก โดยเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักของโรงแรมในเขตกรุงเทพฯเฉลี่ยลดลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน

“การระบาดระลอกแรกเมื่อต้นปี 2563 หลังจากที่ควบคุมสถานการณ์ได้ ธุรกิจโรงแรมใช้เวลา 3 เดือนในการฟื้นตัว แต่การระบาดระลอก 2 ปลายปี 2563 ใช้ระยะเวลาฟื้นตัวลดลงเหลือเพียง 1 เดือนเท่านั้น การระบาดระลอก 3 ที่เป็นอยู่ขณะนี้ หากสามารถควบคุมได้ คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนในการฟื้นตัวเช่นกัน”

ดังนั้นการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมจึงเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ  ยังส่งผลกระจายไปในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า ธุรกิจขนส่ง ตลอดจนช่วยลดปัญหาการว่างงานที่เกิดขึ้นตลอดช่วงการแพร่ระบาด

“ในฐานะผู้ประกอบการภาคธุรกิจโรงแรม นอกจากวัคซีนที่ทางรัฐบาลจัดหา ยังขอสนับสนุนการนำเข้าวัคซีนทางเลือกป้องกันโควิด-19 ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่โรงพยาบาลเอกชนมีการสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นาเข้ามา หรือราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มเข้ามา และจะซื้อขายเฉพาะองค์กรเพื่อฉีดให้กับบุคลากรของตนเอง”

อย่างไรก็ดี การจัดหาวัคซีนทางเลือกยังต้องใช้เวลา จึงเห็นด้วยกับแนวทางของ “ชมรมแพทย์ชนบท” ในการหยุดระบาดโควิดให้ตรงจุด โดยการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมดที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหลังฉีดแข็มแรก

เนื่องจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสามารถทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหลังการฉีดเข็มแรกมากกว่า 80% ขณะที่วัคซีนซิโนแวคต้องรอหลังการฉีดเข็มที่ 2 จึงจะเกิดภูมิในระดับที่ใกล้เคียงกัน

จากการระบาดระลอก 3 ตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 30 พฤษภาคม 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงสุดของประเทศ คิดเป็น 60% ของทั้งประเทศ การระบาดหนักในกรุงเทพฯยังส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ ดังนั้นจึงควรเร่งหยุดการระบาดที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

โดยทางเลือกหนึ่งเพื่อยุติการระบาดด้วยข้อจำกัดที่วัคซีนมีน้อย “ชมรมแพทย์ชนบท” จึงมีข้อเสนอให้นำวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด ที่ผลิตได้จากสยามไบโอไซเอนซ์ในเดือนมิถุนายนนี้ ฉีดทั้งหมดที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อช่วยเร่งลดการระบาดลงให้มาก เพราะวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการยุติการระบาดในพื้นที่สีแดง

“กระสุนมีจำกัด หยุดระบาดโควิดให้ตรงจุด ถมวัคซีนแอสตร้าฯหมดหน้าตักลงที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล”  คือข้อเสนอของชมรมแพทย์ชนบท ที่กลุ่มบริษัทขอให้การสนับสนุน