อุโมงค์ 13 ปีแยกไฟฉาย ‘กำแพงเพชรวิวัฒน์’ การันตีความสำเร็จ

อุโมงค์ทางลอดสามแยกไฟฉาย

 

ในที่สุด “โครงการอุโมงค์ทางลอดสามแยกไฟฉาย” ก็ได้ฤกษ์ก่อสร้างเสร็จและเตรียมเปิดให้ใช้เส้นทางภายในต้นเดือนสิงหาคม 2565 นี้

หลังจากเผชิญกับความท้าทายสารพัด จนทำให้ต้องมีการขยายอายุสัญญา จากจุดตั้งต้นลงนามสัญญาครั้งแรกเมื่อปี 2552 ระหว่างทางต้องขยับเวลาก่อสร้างออกไปถึงปี 2565 หรือใช้เวลาสร้างนานเกือบ 13 ปี (ดูตารางประกอบ)

เริ่มปี 52-สร้างเสร็จปี 65

ทั้งนี้ ชื่อเต็มคือ “โครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพรานนก” เนื่องจากเดิมเป็นสามแยกไฟแดงที่เรียกว่าสามแยกไฟฉาย และมีจุดตัดกับถนนพรานนก ทำให้อุโมงค์ทางลอดโครงการนี้มีชื่อเรียกไม่เป็นทางการอย่างน้อย 2 ชื่อว่า “อุโมงค์แยกไฟฉาย” กับ “อุโมงค์พรานนก”

วัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาจราจรคับคั่งในพื้นที่ ลดจุดตัดทางแยก เพิ่มประสิทธิภาพการจราจรในภาพรวม และรองรับการเติบโตของเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

จุดเริ่มต้นโครงการอยู่ที่ซอยจรัญฯ 27 ถึงซอยจรัญฯ 37 มีความยาวรวม 1,250 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร ซึ่งมีความกว้าง 10 เมตร ความสูงภายในทางลอดอยู่ที่ 5 เมตร มีหลังคาปิดยาว 161.5 เมตร และทางลอดยาว 600 เมตร

ADVERTISMENT

โดยมีผู้รับเหมาคือ “บริษัท กำแพงเพชรวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด” วันเริ่มต้นสัญญา 28 ตุลาคม 2552 วันสิ้นสุดสัญญา 19 สิงหาคม 2565 มีกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาคุมงาน 2 ราย

คือ บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด และ บริษัท ร้อจ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด

วงเงินค่าก่อสร้าง 788,185,793.52 บาท คู่สัญญาภาครัฐคือสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร

ไทม์ไลน์อุโมง

เจ้าพ่อทางลอด “KPV Group”

บิ๊กวงการรับเหมา “อรรถสิทธิ์ ดำรงรัตน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท กำแพงเพชรวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด หรือ “KPV Group” ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า KPV Group จะครบรอบก่อตั้งองค์กร 58 ปี ในปี 2565 นี้

วิสัยทัศน์องค์กร มุ่งสู่การเป็นหนึ่งในธุรกิจผู้รับเหมาก่อสร้าง และพร้อมแข่งขันเสนอราคารับเหมางานสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพ

KPV Group มีค่านิยมองค์กร N-P-A-Q-I-H-T ดังนี้ N-Networking at construction สร้างเครือข่ายในวงการก่อสร้าง, P-Partner sincere and fair พันธมิตรที่ซื่อสัตย์ จริงใจ และเป็นธรรม, A-Awesome at construction เป็นเลิศ และยิ่งใหญ่ในวงการก่อสร้าง

Q-Quality of Service คุณภาพงานมีมาตรฐานสูง, I-Integrity ความซื่อสัตย์และมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ, H-He taught to work การทำงานแบบพี่สอนน้อง และ T-Teamwork การทำงานเป็นทีม

ในวัยที่องค์กรใกล้จะได้ฉลอง 6 ทศวรรษ แบรนด์เนม KPV Group เป็นที่ยอมรับในวงการรับเหมาก่อสร้างภาครัฐว่าเป็นเบอร์ 1 บนเวทีงานก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดทั่วประเทศไทย โดยมีสถานะเป็น “ผู้รับเหมาชั้น 1 พิเศษ” ขึ้นทะเบียนกับกรมสะพาน “กรมทางหลวงชนบท”

ประสบการณ์และผลงานก่อสร้างที่ผ่านมา ได้แก่ อุโมงค์ทางลอด ทางแยกเชียงใหม่-แม่ริม, อุโมงค์ทางลอด ทางแยกเชียงใหม่-พร้าว, อุโมงค์ทางลอดเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด, อุโมงค์ทางลอดเชียงใหม่-สันกำแพงสายเก่า, อุโมงค์ทางลอดเชียงใหม่-สันกำแพงสายใหม่

อุโมงค์ทางลอดหน้าสนามบินแห่งแรกของ จ.เชียงราย ระยะทาง 9 กม., อุโมงค์ทางลอดพัทยากลาง, อุโมงค์ทางลอดรถไฟ ขอนแก่น, อุโมงค์ทางลอด-จุดตัดรถไฟ นครราชสีมา และอุโมงค์ทางลอดแยกไฟฉาย ที่มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2565 นี้

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า อุโมงค์ทางลอดแยกไฟฉายที่ลากยาวระยะเวลาก่อสร้างนานเกือบ 13 ปี การมี KPV Group เป็นผู้รับเหมาคู่สัญญากับสำนักการโยธา กทม. ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่ทำให้สามารถก่อสร้างโครงการจนใกล้จะสำเร็จลุล่วง

เพราะจะมีบริษัทรับเหมาสักกี่รายที่สามารถยืนระยะได้อย่างแข็งแกร่ง แม้จะผ่านวิกฤตเศรษฐกิจหลายรอบ ทั้งน้ำท่วมใหญ่ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สถานการณ์โควิด ล่าสุดวิกฤตเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อมในปัจจุบัน

รถไฟฟ้าขอแจมสร้างฐานราก

สำหรับไทม์ไลน์ระหว่างปี 2552-2565 มีคำอธิบายดังนี้

ปี 2552-2555 มีการชะลอการก่อสร้างเนื่องจากการร้องเรียน และรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญศึกษาของโครงการ พร้อมทั้งการปรับรูปแบบทางลอดเพื่อรองรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ)

รูปแบบเป็นทางลอดขนาด 3 ช่องจราจร ความยาวทางลอด 827 เมตร และทางเท้ากว้าง 1.5 เมตร

ปี 2556-2558 เริ่มงานโครงสร้างหลักของทางลอด พร้อมกับโครงสร้างส่วนที่เสริมการรับน้ำหนักของรถไฟฟ้า และวางแผนจัดสรรการใช้พื้นที่ก่อสร้างร่วมกันระหว่าง “สำนักการโยธา กทม.” กับ “รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม”

โดยมีความคืบหน้าก่อสร้างอุโมงค์ลอดแยกไฟฉายแล้ว 66% รูปแบบเป็นทางลอดเหลือขนาด 2 ช่องจราจร ความยาวทางลอดลดเหลือ 600 เมตร ขยายทางเท้ากว้างขึ้นเป็น 2.5 เมตร พร้อมโครงสร้างรองรับรถไฟฟ้า (D-wall, Barrete, Cap Beam, Struts)

ปี 2559-2561 ทาง KPV Group ต้องชะลอการก่อสร้าง เนื่องจาก รฟม.ต้องใช้พื้นที่ทั้งหมด เพื่อเร่งงานก่อสร้างตัวสถานีที่อยู่ด้านบน รวมถึงการทำงาน Cement Column เพื่อเสริมกำลังดิน ป้องกันการเคลื่อนตัวของโครงสร้างผนังทางลอดและโครงสร้างรถไฟฟ้า

ปี 2562-2563 เป็นช่วงเวลาของกระบวนการส่งมอบ-รับมอบพื้นที่ และวิเคราะห์ ตรวจสอบขั้นตอนการก่อสร้างทางด้านวิศวกรรม

ปี 2564-2565 วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 กทม.เข้าดำเนินการงานส่วนที่เหลือ 34% โดยมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในวันที่ 19 สิงหาคม 2565

ขอบคุณพันธมิตร-โตไปด้วยกัน

คำถามที่น่าสนใจคือ การก่อสร้างล่าช้าออกไปขนาดนี้ ต้นทุนก่อสร้างโครงการย่อมมีการเปลี่ยนแปลง KPV Group ทำเสร็จแล้วเสมอตัว กำไร หรือขาดทุนกันแน่

“ค่างานที่ทำสัญญากับ กทม.ยังเท่าเดิมตามสัญญาที่ 788 กว่าล้านบาท ซึ่ง กทม.มีสถานะเป็นส่วนราชการ การเพิ่มวงเงินจะผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง จะมีการสอบวินัยต่าง ๆ ขณะที่ค่าเคหรือต้นทุนผันแปรสามารถเคลมได้กับ รฟม. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ มีข้อตกลงค่าชดเชย 90 ล้านบาท”

อย่างไรก็ตาม แม้จะเจรจาชดเชยด้วยจำนวนเงินตามที่เกิดขึ้นจริง แต่ยังมีต้นทุนสำคัญคือเรื่องเวลาที่หายไป โอกาสทางธุรกิจที่เสียไป “อรรถสิทธิ์” กล่าวสั้น ๆ เพียงว่า ในอนาคตโอกาสที่จะเกิด case study แบบนี้คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก

“วันนี้ผมมองว่าเราพูดอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยุคนี้นโยบายผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เร่งรัดทำโครงการ เร่งคืนพื้นผิวจราจร ลดการติดขัด บริษัทก็ต้องทุ่มเท ให้ความร่วมมือทั้งกำลังทรัพย์ กำลังคนเพื่อสนองนโยบายอย่างเต็มที่”

บรรทัดสุดท้าย ซีอีโอ KPV Group กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการ มาจากพลังพันธมิตรธุรกิจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ “แบงก์กรุงเทพ” ที่ให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อโดยไม่ตัดทอนแม้แต่บาทเดียว

และพันธมิตรบริษัทที่ปรึกษา “AEC-บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด” ที่อยู่ร่วมทั้งทุกข์และสุขตั้งแต่ต้นจนตลอดใกล้จบโครงการในเร็ววันนี้

 

เปิดตำนาน 4,679 วัน ก่อสร้าง ‘อุโมงค์แยกไฟฉาย’

 

ใกล้งวดเต็มทีสำหรับการก่อสร้าง “อุโมงค์ลอดแยกไฟฉาย”

โดยข้อมูลจากสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ระบุรายละเอียด “โครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพรานนก” หรืออุโมงค์ลอดแยกไฟฉาย (ดูตารางประกอบ)

จุดเริ่มต้นหากนับตามจำนวนวัน พบว่าระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญาจริง ๆ คือ 820 วัน หรือ 27 เดือนเศษ

แต่จุดปลายทางที่วางแผนก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2565 บวกลบคูณหารเวลาที่ต่อขยายสัญญาแล้วพบว่า อุโมงค์ลอดแยกไฟฉายเบ็ดเสร็จใช้เวลารวมกัน 4,679 วัน หรือ 155 เดือน

นั่นหมายความว่ามี “ต้นทุนเวลา” ที่อยู่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นระหว่างทาง คำนวณแล้วเท่ากับ 155-27 = 128 เดือน

โดยมีเหตุการณ์พิเศษที่เป็นสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างน้อย 3 ครั้งคือ “มหาอุทกภัย” ปี 2554 ณ ตอนนั้น มีการขยายเวลาก่อสร้าง 180 วัน

ถัดมาคือปัญหาขาดแคลนแรงงาน จากเหตุผลนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจาก 220 บาท เป็นวันละ 300 บาท ณ ตอนนั้น มีการขยายเวลาก่อสร้าง 150 วัน

ล่าสุด ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ซึ่งมีการขยายเวลาก่อสร้าง 116 วัน

ทั้ง 3 สถานการณ์นี้ นำมาบวกทดเวลารวมกันยังได้แค่ 446 วัน ในขณะที่ประเด็นของ “การปรับแบบ” กินเวลายาวนานกว่าเยอะ ดูจากขั้นตอน “รอมติให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบก่อสร้างจากสภา กทม.” ณ ตอนนั้น มีการขยายเวลาก่อสร้าง 465 วัน

และ “รอการเปลี่ยนแปลงรูปแบบก่อสร้างใหม่ตามมติสภา กทม.” ซึ่ง มีการขยายเวลาก่อสร้าง 769 วัน

สองรายการนี้รวมกันแล้วเท่ากับขยายเวลา 465+769 = 1,234 วัน

น่าสนใจว่ามีเพียง 1 รายการแต่กินเวลาชนะขาดทุกปัญหา นั่นคือ “ติดงานก่อสร้างรถไฟฟ้าของ รฟม.” โดยมีการขยายเวลาให้ 1,622 วัน เทียบเท่ากับต้องชดเชยเวลาถึง 54 เดือน หรือ 4 ปีครึ่ง

สร้างการจดจำให้กับคนกรุงในฐานะอุโมงค์ทรหดที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 13 ปี

สัญญาก่อสร้างอุโมงค์