ไทยเบฟ คว้า Gold Class 3 ปีซ้อน ใน The Sustainability Yearbook 2021

ไทยเบฟ คว้า Gold Class 3 ปีซ้อน ใน The Sustainability Yearbook 2021 รางวัลความยั่งยืนสูงสุดระดับโลก

The Sustainability Yearbook 2021 เป็นรายงานแสดงรายชื่อบริษัทที่สะท้อนผลการประเมินความยั่งยืนขององค์กรต่าง ๆ ที่จัดทำโดย S&P Global จัดระดังองค์กรต่าง ๆ ในรูปแบบ Gold, Silver, Bronze Industry Mover และ Member

ในปี 2020 มีบริษัทที่ได้รับการประเมินความยั่งยืนจำนวน 7,033 บริษัท ใน 40 ประเทศ มีบริษัทอยู่ใน The Sustainability Yearbook 2021 จำนวน 631 บริษัท โดยบริษัทในไทยอยู่ในระดับ Gold เป็นจำนวนมากที่สุดคือ 11 บริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ด้วย รองลงมาคือบริษัทในสหรัฐอเมริกา 9 บริษัท ญี่ปุ่น 6 บริษัท และไต้หวัน 4 บริษัท

โดย The Sustainability Yearbook 2021 เต็มไปด้วยข้อมูลและเรื่องราวทางด้านแนวทางการคิดใหม่ เกี่ยวกับการลงทุน และเศรษฐกิจได้อย่างไร เพื่อความยั่งยืน และการใช้ ESG เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ไทยเบฟเวอเรจ ได้รับรางวัลความยั่งยืนสูงสุดในโลกระดับ Gold class ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน จากบริษัท S&P Global ใน The Sustainability Yearbook 2021 ถือเป็นความสำเร็จที่สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานทางธุรกิจของไทยเบฟ เพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนอย่างมั่นคงและยั่งยืน ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต

“โฆษิต สุขสิงห์” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยเบฟได้คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและชุมชน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ไทยเบฟจึงปรับกลยุทธ์ในการจัดซื้อจัดหา และการขยายเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อสอดคล้องพฤติกรรมของผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น และยังคำนึงถึงบรรจุภัณฑ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อม

“ไทยเบฟได้จัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพและปลอดภัยใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต รวมถึงการบริหารบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการนำวัสดุหรือบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กล่องกระดาษ ขวดแก้ว ที่ยังใช้ประโยชน์ได้กลับมาใช้ในกระบวนการผลิตอีกครั้ง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่สามารถใช้ซ้ำหรือนำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมกันนี้ยังร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้บริโภค เพื่อบริหารจัดการและสร้างคุณค่าให้กับบรรจุภัณฑ์หลังจากบริโภคผ่านระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน”

“โฆษิต” กล่าวด้วยว่า การที่ไทยเบฟฯได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (The Dow Jones Sustainability Indices-DJSI) โดยจัดลำดับให้เป็นสมาชิกของ DJSI Emerging Markets Index กลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 5 และประเภทกลุ่มดัชนีโลก (World Index) เป็นปีที่ 4 โดยล่าสุดได้รับการจัดอันดับ 1 Industry Leader ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เป็นการตอกย้ำความพร้อมถึงศักยภาพความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจร ในภูมิภาคอาเซียนอย่างมั่นคงและยั่งยืนที่มุ่งพัฒนาธุรกิจด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภคควบคู่ไปกับการอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม

สร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อมั่นว่า “การสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” จะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างต่อเนื่อง