คิดแบบ FWD ประกันชีวิต เน้นนวัตกรรมเพื่อสร้างสังคมยั่งยืน

เดวิด โครูนิช
เดวิด โครูนิช

กลุ่มบริษัทเอฟดับบลิวดี (FWD Group) ซึ่งทำธุรกิจประกันชีวิตในภูมิภาคเอเชียที่มีลูกค้ามากกว่า 11 ล้านคนใน 10 ประเทศทั่วภูมิภาค รวมถึงประเทศไทยในชื่อบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยก่อตั้งในไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2556 จนถึงขณะนี้ ครบรอบ 10 ปีพอดี ที่ไม่เพียง FWD ประกันชีวิต จะมุ่งเน้นการทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร หากยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ ESG และการดูแลพนักงานด้วย

เปลี่ยนมุมมองประกันชีวิต

“เดวิด โครูนิช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า FWD ประกันชีวิต มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด ด้วยแนวคิดที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต

โดยการทำให้เส้นทางการเข้าถึงประกันง่ายขึ้น เร็วขึ้น และราบรื่นขึ้น ด้วยการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่าย และมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างจากอุตสาหกรรมประกันภัยแบบดั้งเดิม โดยสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า สร้างแรงบันดาลใจ และให้ความเอาใจใส่

“เราชอบที่จะเห็นตัวเองเป็นเทคคอมปะนีที่ขายประกัน ดังนั้น ทุกสิ่งที่ FWD ประกันชีวิต ทำ จึงต้องเป็นแบบ digital-by-design (กระบวนการสร้างสรรค์ผ่านดิจิทัล) ซึ่งสิ่งนี้แทรกซึมผ่านกระบวนการทั้งหมดของเราตั้งแต่การขายไปจนถึงการรับเรื่องเรียกร้องจากลูกค้า ฯลฯ

ฉะนั้น พนักงานของเราคือส่วนสำคัญที่สุดที่จะนำพากลยุทธ์ และแนวทางที่เราวางไว้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดย 5 ค่านิยมหลักที่ใช้เป็นแนวทางในการทำงาน ได้แก่ proactive (การทำงานเชิงรุก), open (เปิดกว้าง), committed (มุ่งมั่น), caring (เอาใจใส่) และ innovative (สร้างสรรค์)”

กลยุทธ์สำคัญสำหรับครึ่งปีหลังของปี 2566 เราเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล และระบบนิเวศการมีส่วนร่วมของลูกค้า ขจัดกระบวนการที่ต้องทำด้วยตนเอง (manual) และเสริมสร้างความสามารถในการจัดจำหน่ายหลายช่องทาง รักษาความเป็นผู้นำด้านการขายประกันผ่านธนาคาร (bancassurance) โดยเพิ่มการเจาะฐานลูกค้าไทยพาณิชย์ผ่านการบูรณาการทางดิจิทัล และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับของลูกค้า พร้อมขยายการเติบโตด้านสุขภาพ และการคุ้มครองผ่านฝ่ายขายตรงของ SCB Protect

รวมถึงปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องในช่องทางตัวแทนขายที่มีอยู่ราว 11,000 ราย และพัฒนาช่องทางขายผ่านโบรกเกอร์ ตลอดจนการขายทางโทรศัพท์ ที่สำคัญ เน้นพัฒนาการสรรหาบุคลากร และการฝึกอบรมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียบง่ายและเป็นรูปแบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้า โดยอิงจากการวิเคราะห์ข้อมูล AI ของเราและแกนหลักเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อถึงกัน

วิสัยทัศน์ ESG

“เดวิด โครูนิช” กล่าวว่า วิสัยทัศน์ ESG กลุ่มของ FWD ประกันชีวิต เน้นผลลัพธ์ที่จะเกิดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนที่เราให้บริการ โดยมี 6 ด้าน ได้แก่ governance and risk management (การกำกับดูแลและการบริหารความเสี่ยง), trust (การสร้างความเชื่อมั่น), talent (ความสามารถ), closing the protection gap (ปิดช่องว่างเรื่องหลักประกัน), sustainable investment (การลงทุนที่ยั่งยืน) และ climate change resilience (ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ)

“แม้ว่าเรามีงานที่ต้องทำในแต่ละด้านอีกมาก แต่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมากของเราจะประสบความสำเร็จและยั่งยืน ซึ่งกลยุทธ์ ESG ของเราสอดคล้องกับ Sustainable Development Goals : SDGs หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยครอบคลุมทั้ง 7 ประการที่เราสามารถช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ได้แก่ SDG 3 (สุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี), SDG 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ), SDG 8 (การทำงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ), SDG 9 (อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน), SDG 10 (ความไม่เท่าเทียมกันที่ลดลง), SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) และ SDG 13 (การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ)”

FWD ประกันชีวิต มุ่งมั่นที่จะสร้างความเท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในสังคม เพื่อให้ทุกคนใช้ชีวิตเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวล ด้วยการทำงานทางด้าน ESG ของเรา ยิ่งเฉพาะการควบคุมความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชนผ่านความรู้ความเข้าใจทางการเงิน พร้อมกับเสริมทักษะชีวิตระดับพื้นฐานผ่านโครงการระดับภูมิภาค JA SparktheDream ที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความรู้ให้กับเด็กนักเรียน 25,000 คน ในฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ภายในปี 2567

สำหรับประเทศไทย เพิ่งเปิดตัวโปรแกรม JA SparktheDream ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิ Junior Achievement Thailand เป้าหมายหลักคือการให้ความรู้ทางการเงินแก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อให้มีความรู้พอ ๆ กับนักเรียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 1,000 คน ในช่วงภาคเรียนแรกของปีการศึกษา 2566

พัฒนาชุมชนลาหู่

“เดวิด โครูนิช” กล่าวต่อว่า จากวิสัยทัศน์ที่จะสร้างความเท่าเทียมกันให้กับสังคมในวงกว้าง รวมถึงการสร้างโมเดลต้นแบบในการพัฒนาชุมชน FWD ประกันชีวิต จึงมีกระบวนการคัดเลือกพื้นที่ พร้อมเตรียมแผนการพัฒนาชุมชน โดยลงพื้นที่สํารวจและทํางานร่วมกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) คัดเลือกชุมชนลาหู่ ในดอยปู่หมื่น จังหวัดเชียงใหม่ ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาชุมชน

โดยปี 2566 นับเป็นปีที่ 3 ที่ต่อยอด 3 โครงการหลักให้กับชุมชนลาหู่ ในดอยปู่หมื่น ได้แก่ โครงการธนาคารต้นกล้า ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการบริหารจัดการต้นกล้าชาและการทํางาน ร่วมกันในชุมชน, โครงการพัฒนาคุณภาพชา เพิ่มคุณภาพของผลผลิตตามหลักเกษตรอินทรีย์โดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และโครงการเพิ่มมูลค่าชาอัสสัม สร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับชาอัสสัมให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สร้างรายได้ที่มั่นคงจากอาชีพหลักของชุมชน

นอกจากนั้น การทํางานครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจังหวัดเชียงใหม่

โดยชุมชนให้การตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการมากถึง 33 ครัวเรือน และมีผลผลิตใบชาในปริมาณที่เพิ่มมากกว่า 50% ถือเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาชุมชนอื่นเพิ่มเติม หวังสร้างความเท่าเทียมทางสังคม และความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน

ลดความเหลื่อมล้ำ

“เดวิด โครูนิช” กล่าวด้วยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ FWD ประกันชีวิต ในการลดความไม่เท่าเทียมกันและส่งเสริมโอกาสทางรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเด็กด้อยโอกาส บริษัทจึงร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Pimali Hospitality Training Center ศูนย์ฝึกวิชาชีพการโรงแรมและงานบริการให้เด็กกำพร้าและเด็กด้อยโอกาส จังหวัดหนองคาย ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

“เรามอบความคุ้มครองการประกันสุขภาพที่สำคัญให้กับนักเรียน และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน นอกจากนี้ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของ FWD ประกันชีวิต เราจึงมอบทุนการศึกษา 10 ทุน ให้กับเด็ก ๆ ในความดูแลของมูลนิธินี้ เพราะเล็งเห็นว่าศูนย์แห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กด้อยโอกาสจากทั่วประเทศด้วยทักษะที่จำเป็น

ใน 3 ส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมการบริการ ได้แก่ แผนกห้องพัก (การดูแลทำความสะอาด) แผนกบริการส่วนหน้า และแผนกครัว โดยโปรแกรมการฝึกอบรมที่ครอบคลุมมีระยะเวลาตั้งแต่ 6 ถึง 12 เดือน เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ได้ประสบการณ์การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริงในสถานที่จริง การเตรียมความพร้อมนี้ทำให้พวกเขามีความรู้ และความสามารถที่จำเป็นในการเปลี่ยนผ่านสู่การทำงานอย่างราบรื่น”

นับว่า FWD ประกันชีวิต ปรารถนาที่จะสร้างอนาคตที่ดี และยั่งยืนยิ่งขึ้น เพื่อสะท้อนมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมุ่งเน้น ESG อันเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมประกันภัยต่อจากนี้ไป