ลูกสาว “สายัณห์ ยุติธรรม” สวนพ่อ “จะไม่ยอมให้อนาคตตัวเองพังแน่”

สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กล่าวถึงการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอก พร้อมยกตัวอย่างลูกสาวของตน ที่ขณะนี้เรียนอยู่ชั้น ม.3 มีความคิดทางการเมืองเปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยช่วยเดินแจกใบปลิวหาเสียง แต่ปัจจุบันวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อทั้งกล่าวไม่เห็นด้วยและเชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะเด็กมัธยมศึกษายังคิดเองไม่ได้

ทำให้ในเวลาต่อมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ได้ระบุว่าเป็นลูกสาวของนายสายัณห์ ยุติธรรม นักเรียนชั้น ม.3 ที่ถูกกล่าวถึง เปิดใจเล่าเรื่องในมุมของตัวเองผ่านทวิตเตอร์ว่า ตนได้บอกมุมมองความคิดกับพ่อเอง ตอนที่กล่าวออกไปตนหวังแค่ให้พ่อของเธอได้เห็นมุมมองของเด็กรุ่นใหม่เท่านั้น โดยที่ไม่ทราบว่าผู้พ่อนั้นจะตีความเช่นไร

ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนั้นเล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนและพ่อ มีความคิดที่เหมือนกัน โดยมีความคิดไปในทิศทางเดียวกับพ่อ แต่เมื่อโตขึ้นได้เข้ามาในเรียนกรุงเทพฯ เริ่มเจอสังคมใหม่ ๆ และเริ่มมาเล่นทวิตเตอร์ ความคิดของเธอได้เริ่มเปลี่ยน ๆ ไปเรื่อย ๆ กระทั่งมีความคิดอยู่ตรงข้ามกับพ่อได้ประมาณ 2 ปีแล้ว

เมื่อเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองและได้อ่านเรื่องราวมากขึ้น เจ้าตัวระบุว่า “ตาสว่างเราก็อยากให้พ่อได้รู้ว่าเออ สิ่งที่พ่อคิดมาตลอด อาจจะไม่ได้เป็นอย่างงั้นก็ได้”

พร้อมยกตัวอย่างว่า กรณีที่พ่อของตนออกมาให้สัมภาษณ์แล้วบอกว่า ตนได้พูดวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เมื่อ จบไปอาจไม่มีงานทำ “เราว่าเราพูดไม่ผิด เพราะถ้านายกคนปัจจุบันยังอยู่ บริหารประเทศแบบนี้ เอางบไปใช้กับอะไรไม่รู้ การขนส่งสาธารณะไม่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตตกต่ำลง ค่าครองชีพสูงขึ้น ไม่มีงานทำแน่ ๆ”

ลูกสาวของ ส.ส. คนดังกล่าว เล่าต่อว่า เมื่อตนได้กล่าวผู้เป็นพ่อผู้เป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ว่าจะไปเข้าร่วมการชุมนุม พร้อมให้เหตุผลว่า “จะไม่ยอมให้อนาคตตัวเองพังแน่ ๆ” โดยถูกตอบกลับมาว่าอยากให้รออายุ 18 ปีก่อน เพราะมองว่าขณะนี้ตนยังเด็กอยู่ ส่วนเรื่องความคิดเห็นต่าง ขณะพูดคุยผู้เป็นพ่อไม่ได้ว่าอะไร กระทั่งได้เห็นตามข่าวที่ออกไป

“เราพยายามพูดมาตลอดว่า คนที่พ่อเข้าใจหรือถูกปลูกฝังว่าดีอะ เขาไม่ได้ดีนะ พ่อมีข้อมูลที่หักล้างที่พ่อเคยเข้าใจได้ เราก็เอาไปพูดกับเขาตลอด เพราะหวังว่าเขาจะคิดอะไรได้บ้าง เข้าใจเด็กรุ่นใหม่บ้าง แต่นั้นแหละค่ะ เริ่มท้อแล้วเหมือนกัน สุดท้ายเขาก็คิดว่าเราก็แค่เด็ก หรือโดนล้างสมองมา”

ตนยอมรับว่า มีความอึดอัดมาเป็นระยะเวลานาน “อยู่โรงเรียนพอบอกว่าพ่อเป็นใคร เพื่อนก็จะคิดว่าเป็นสลิ่มตลอดเลย เลยพยายามแสดงจุดยืนมาตลอดอยู่แล้ว เราจะไม่ยอมเด็ดขาด และมันยากมาก ๆ ที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับสลิ่มที่ความคิดกู้ไม่กลับอยู่ตลอด”

เธอระบุทิ้งท้ายว่า “มีคนบอกว่าถ้าออกมาแล้วมีปัญหาทำเท่าที่ทำได้ก็ได้ ขอบอกว่าสำหรับเราพ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีความคิดตรงหรือต่าง เขาเป็นคนสร้างเราขึ้นมาเอง เราแค่มีความคิดเป็นของตัวเองตนมองว่าไม่ได้ผิดอะไร ถ้าพ่อเลือกจะทิ้งหรือไม่เลี้ยงเรา เราก็มีสิทธิเรียกร้องของเราได้”