หมอเลี้ยบ ระลึก ‘หมอมงคล’ เบื้องหลัง 30 บาทรักษาทุกโรค

หมอเลี้ยบชมหมอมงคล
ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โพสต์ข้อความระลึกถึง “นพ.มงคล ณ สงขลา” อีกหนึ่งเบื้องหลังความสำเร็จ โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค 

วันที่ 14 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายแพทย์มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เสียชีวิตอย่างสงบขณะมีอายุ 79 ปี ด้วยโรคมะเร็ง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมช.สาธารณสุข ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และอดีต รมว.คลัง ในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ได้โพสต์ข้อความระลึกถึง “หมอมงคล” ดังนี้

ความทรงจำที่เป็น “มงคล” ไม่มีวันสิ้นสุด

อาจารย์มงคล ณ สงขลา เสียชีวิตเมื่อเวลา 22.52 น.ของวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563

ผมทราบข่าวการจากไกลของอาจารย์มงคลเมื่อเช้าวันเสาร์ด้วยคารวาลัย และหวนรำลึกถึงวันคืนที่เคยร่วมงานกัน

สรรพนามที่ผมใช้เรียกอาจารย์มงคลมีหลายอย่าง แล้วแต่ว่าใช้ในกาลเทศะใด ตั้งแต่ พี่ อาจารย์ ท่านปลัด และท่านรัฐมนตรี แต่ผมชอบใช้สรรพนาม “อาจารย์” เรียกขานท่านมากที่สุด

เราพบกันครั้งแรก เมื่อครั้งอาจารย์มงคลมาสาธิตการผ่าตัดทำหมันหญิงด้วยเทคนิคใหม่ซึ่งเปิดแผลหน้าท้องเล็กมาก (เรียกว่า Blind Technique) ที่โรงพยาบาลลำปลายมาศ บุรีรัมย์ ซึ่งผมทำงานอยู่เมื่อปี 2524

บ่ายวันนั้น หลังออกจากห้องผ่าตัด ผมเดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่ของอาจารย์มานั่งพัก และฟังเสียงทุ้มกังวานเล่าเรื่องประสบการณ์หมอชนบทที่อำเภอพิมายของอาจารย์ด้วยความสนุกสนาน เช่น การขี่ม้าเข้าไปตรวจรักษาชาวบ้านในหมู่บ้าน

หลังจากวันนั้น เราไม่ได้พบกันตัวเป็นๆอีกเลยยาวนานถึง 20 ปี ผมได้แต่ติดตามข่าวคราวของอาจารย์มงคลที่เลื่อนความรับผิดชอบในตำแหน่งต่างๆสูงขึ้น จนเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

เส้นทางชีวิตเราคงไม่ได้มาบรรจบกันอีกถ้าผมไม่ได้กลับไปเยือนกระทรวงสาธารณสุขในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2544

ผมก้าวเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขด้วยภาระที่แบกไว้หนักอึ้ง ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่า นโยบาย “30 บาทรักษาทุกโรค” ที่ขอฉันทานุมัติมาจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งในปีนั้น เป็นความท้าทายเกินกว่าที่คนในวงการสาธารณสุขไทยและองค์การอนามัยโลกจินตนาการไปถึงและทำใจให้ยอมรับได้

นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์บอกผมหลังทราบผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 ซึ่งพรรคไทยรักไทยชนะถล่มทลายว่า

“เรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต้องค่อยๆใช้เวลาดำเนินการ กว่าทุกอย่างจะพร้อม ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี”

ผมตอบกลับพี่สงวนว่า

“เป็นไปไม่ได้ เวลา 2 ปีนานเกินไป ประชาชนเฝ้ารอนโยบายนี้ที่เราประกาศไว้ และผมเชื่อว่า ถ้าเราทำช้า แรงเสียดทานทางการเมืองอาจหนักจนต้านทานไม่ไหว ผมขอใช้เวลาเพียง 1 ปี และเราต้องช่วยกันเร่งรัดให้เร็วที่สุด”

พูดตรงๆ ผมบอกพี่สงวนไปอย่างนั้น แต่ลึกๆในใจ ผมได้แต่ปลอบใจตนเองว่า ทำให้เต็มที่เถอะ สำเร็จหรือไม่อยู่ที่โชคชะตา

เช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 เมื่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลในรัฐสภาสิ้นสุด ผมเข้าทำงานในกระทรวงสาธารณสุขได้อย่างมีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญ

หลังพิธีการสักการะพระพุทธรูปประจำกระทรวง อาจารย์มงคลเอ่ยปากขอคุยเป็นการส่วนตัวในห้องทำงานของปลัดกระทรวง

ทันทีที่เริ่มคุยกัน อาจารย์มงคลหยิบกระดาษจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วบอกว่า

“ผมสนับสนุนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคของรัฐบาลอย่างเต็มที่ และจะผลักดันนโยบายนี้อย่างเอาจริงเอาจัง….”

อาจารย์มงคลเว้นระยะสักครู่ ก่อนเอ่ยต่อว่า

“ผมเตรียมนำร่องนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคใน 6 จังหวัดคือ สมุทรสาคร ปทุมธานี ยโสธร นครสวรรค์ พะเยา ยะลา…และพร้อมเริ่มเลยในวันที่ 1 เมษายน”

1 เมษายน….ผมร้องตะโกนดังๆในใจ จนแทบไม่ได้ฟังเสียงพูดของอาจารย์มงคลที่ตามมาหลังจากนั้น

พี่สงวนบอกไว้ 2 ปี ผมกัดฟันขอเร่งเวลาเป็น 1 ปี แต่ท่านปลัดกระทรวงที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมกำลังบอกว่า ท่านขอใช้เวลาเพียง 1 เดือนเพื่อเริ่มต้นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

หรือนี่คือ โชคชะตา

วันนั้น ผมเดินออกจากห้องปลัดกระทรวงด้วยความลิงโลด ถ้าร้องไชโยเสียงดังๆได้โดยไม่เสียแนวปฏิบัติ ก็คงทำไปแล้ว

หลังจากวันนั้น ผมได้ประจักษ์กับตาตัวเองว่า ระบบราชการที่เขาร่ำลือกันว่า หย่อนยาน ไร้ประสิทธิภาพ ทำงานเช้าชามเย็นชาม ไม่จริงเสมอไป

ที่กระทรวงสาธารณสุข ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน 2544 ระบบราชการกลายเป็นเครื่องจักรที่ทรงพลัง ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บุกตะลุย ตะลุมบอนไปข้างหน้าไม่คิดชีวิต ภายใต้การนำของปลัดกระทรวงที่ชื่อ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา

โอ้..ภาวะผู้นำของผู้บริหารสูงสุดฝ่ายข้าราชการ..เมื่อมีความมุ่งมั่นถึงขีดสุดแล้ว เปี่ยมพลังจริงๆอย่างนี้เอง

หลังจากนำร่อง 6 จังหวัดในวันที่ 1 เมษายนผ่านไป เรานำร่องระยะที่ 2 ต่ออีก 15 จังหวัดในวันที่ 15 มิถุนายน 2544 และประกาศใช้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคครบทั้งประเทศในวันที่ 1 ตุลาคม 2544

ใช้เวลาเพียง 7 เดือน!

วันที่ 1 ตุลาคม 2544 คือวันที่อาจารย์มงคลเกษียณอายุราชการพอดี

ตลอด 7 เดือนก่อนเกษียณอายุ อาจารย์มงคลใช้ความเด็ดเดี่ยวสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน อธิบดีทุกกรม ผู้ตรวจราชการทุกเขต โรงพยาบาลทุกแห่ง ปรับภารกิจครั้งใหญ่…”Zero In” เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นหลัก

แรงเสียดทานเกิดขึ้นมากมายทั้งภายในและภายนอกกระทรวง ทั้งจากฝ่ายค้านและบริษัทยา แต่ก็ไม่สามารถต้านการรวมพลังของรัฐมนตรีผู้กำหนดนโยบาย กับ ปลัดกระทรวงและข้าราชการทุกระดับของกระทรวงสาธารณสุขได้

ถ้าปี 2544 ปลัดกระทรวงไม่ได้ชื่อ “นายแพทย์มงคล ณ สงขลา” การขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคย่อมยากเย็นแสนเข็ญ เหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น และอาจไม่สามารถปักหลักมั่นคงจนเป็น “ความทะเยอทะยานครั้งสำคัญของมนุษย์” อย่างที่ชื่นชมกันไว้

ประวัติศาสตร์ของการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศไทย จึงไม่ได้เป็นผลงานของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เพียงเท่านั้น แต่สมควรจารึกไว้ว่า นายแพทย์มงคล ณ สงขลา มีส่วนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

คนบางคน แม้ยังมีชีวิตอยู่ แต่เหมือนจากไปแล้ว

คนบางคน แม้จากไปแล้ว แต่ยังอยู่ในความทรงจำไม่มีวันสิ้นสุด

ความทรงจำที่เป็น “มงคล” ไม่มีวันสิ้นสุด
……………………………………………………
.
อาจารย์มงคล ณ…


โพสต์โดย สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2020